วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552

การเตรียมตัวไปล่องแก่ง


ก่อนจะไปล่องแก่งควรเตรียมตัวสำหรับการเดินทางให้เหมาะสมเพื่อให้ได้รับความสนุกสนาน ความปลอดภัย โดยไม่ส่งผลกระทบกับธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ดังต่อไปนี้

Photobucket

1. พื้นที่ที่จะเดินทางไปส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตป่าต้นน้ำที่ธรรมชาติมีความเปราะ บาง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะ ต้องติดต่อขออนุญาตเดินทางเข้าไปในพื้นที่ต่าง ๆ ให้ถูกต้อง เช่น การขออนุญาตต่อกรมป่าไม้ หน่วย งานที่ดูแลพื้นที่เหล่านั้นด้วย

2. การล่องแก่งเป็นกิจกรรมประเภทท่องเที่ยวธรรมชาติกึ่งการผจญภัย จำเป็นที่จะต้องใช้ความระมัด ระวังอย่างยิ่งในการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ โดยเลือกใช้บริการที่มีการจดทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวแล้วเรียบร้อย และตรวจสอบรายการท่องเที่ยว และข้อตกลงต่าง ๆ ให้เรียบร้อย เช่น การประกันภัย เครื่องมือ อุปกรณ์ที่มีการให้บริการ

3. การเตรียมตัวท่องเที่ยวทางน้ำ ควรเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสม เช่น กางเกงขาสั้น และเสื้อผ้า ควรใช้ผ้าที่ แห้งง่าย รองเท้าแตะที่มีสายรัดจะดีมาก เพราะต้องเตรียมพร้อมที่จะเปียกน้ำ และขึ้นไปเดินบนฝั่ง หากมีการเดินป่าระยะทางไกล ก็จำเป็นต้องนำรองเท้าผ้าใบไปอีกคู่หนึ่ง ในช่วงฤดูหนาวควรมีเสื้อแจ๊กเกต ผ้ากันลมไว้ใส่กันหนาวช่วงที่ล่องแก่งด้วย

4. เสื้อผ้า อุปกรณ์สำหรับแค้มปิ้ง และกล้องถ่ายภาพ และของใช้ต่าง ๆ ควรใส่ถุงพลาสติก หรือถุงกันเปียก ให้เรียบร้อย การเตรียมสัมภาระต่าง ๆนำไปเฉพาะที่จำเป็นจริงๆ เพราะพื้นที่ขนสัมภาระจำกัด

5. ในการล่องแก่งควรศึกษาข้อปฏิบัติการพายเรือ พยายามมีส่วนร่วมในการเดินทางอย่างดี ควรปฏิบัติตัว ตามคำแนะนำของกัปตันเรือ และมัคคุเทศก์

6. หากมีการรับประทานอาหาร หรือไปประกอบอาหารในป่า ควรเลือกรายการอาหารที่สะดวกง่าย และ หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องกระป๋อง ภาชนะประเภทกล่องโฟม ขวดน้ำ พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียว เพื่อลดขยะ และมลพิษ ทุกครั้งที่เก็บแค้มป์ ควรดูแลความสะอาด พยายามให้พื้นที่กลับสู่สภาพเดิมให้มากที่สุด

วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เบอร์โทรศัพท์ที่สำคัญ




สอบถามข้อมูลการเดินทาง
สอบถามข้อมูลท่องเที่ยว 1672
แจ้งเหตุ ตอบปัญหาทางหลวง ตำรวจทางหลวง 1193
ข้อมูลทางหลวง กรมทางหลวง 1586
สายตรง กระทรางคมนาีคม 1123
ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม กระทรวงคมนาคม 1356
02-280-8000
ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสาร รถสาธารณะ กรมการขนส่งทางบก 1584
การรถไฟแห่งประเทศไทย 1690
ศูนย์ควบคุมการจราจร 197
สอบถามข้อมูล ข่าวสารการจารจร 1644
กรมอุตุนิยมวิทยา 1182
ศูนย์บริการข่าวอากาศ 0-2399-4012-3
บริการสำรองที่นั่งเครื่องบิน บริษัท การบินไทย 1560
ศูนย์ุคุ้มครอง ผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584
Hotel Hotline 1552
ข้อมูลการเดินทาง (กทม.-ปริมณฑล)
รับแจ้งเหตุการจราจร สพว91 1644
จส. 100 1137
ข้อมูลทางด่วน การทางพิเศษ แห่งประเทศไทย 1543
อคงการ์ขนส่ง มวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) 184
รถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) 0-2617-6000
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว บีทีเอส (BTS) 0-2617-7340
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน แห่งประเทศไทย (รถใต้ดิน รฟม.) 0-2246-5733
0-2246-5744


บริการแท็กซี่ (Taxi)
Taxi-Radio ศูนย์บริการแท็กซี่มิเตอร์ (บจก.ยูคอม) 1681
บริษัท วี.เอ็ม.เอส. คอมมิวนิเคชั่นจำกัด 1545
สหกรณ์แท็กซี่สยาม 1661
สหกรณ์เจริญเมืองแท็กซี่ 0-2215-1584
สหกรณ์แท็กซี่กรุงเทพ 0-2880-0888


แจ้งเหตุด่วน เหตุร้าย 191, 123
ตำรวจท่องเที่ยว 1155
ตำรวจทางหลวง 1193
ศูนย์ควบคุมการจราจร 1197
เหตุฉุกเฉิน อาชญษกรรม กองปราบปราม 1195
ศูนย์ส่งกลับ และ รถพยาบาล โรงพยาบาลตำรวจ 1691
0-2255-1133-6
สายด่วนอาญชญากรรม จังหวัดชายแดนภาคใต้ 1340
ศูนย์รับแจ้งข่าวยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1688
คูนย์แจ้งอุบัติภัย กองทัพเรือ 1696
แจ้งเหตุทางน้ำ กองบัญชาการตำรวจ 1196
แจ้งเหตุเพลิงไหม้ ศูนย์ดับเพลิงศรีอยุธยา 199


Bug Live 1113
สอบถามหมายเลขโทรศัพท์ ในเขตนครหลวง 1133
สอบถามหมายเลขโทรศัพท์ ในส่วนภูมิภาค 183
องค์การโทรศัพท์ แห่งประเทศไทย (ทศท.) 1100
การสื่อสารแห่งประเทศไทย 1322
0-2614-1000



สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ทคอลเซ็นเตอร์ 0-2132-1888
- ผู้โดยสารขาออก 0-2132-9324
- ผู้โดยสารขาเข้า 0-2132-9328
- เจ้าหน้าที่ประสานงาน ท่าอากาศยาน 0-2132-4101
ท่าอากาศยานดอนเมือง
- ผู้โดยสารขาออก 0-2535-1192
- โดยสารขาเข้า 0-2535-1253
ท่าอากาศยานเชียงใหม่ 0-5327-0222-33
0-5320-3300-19
ท่าอากาศยานเชียงราย 0-5379-3048-57
ท่าอากาศยานหาดใหญ่ 0-7425-1007-12
ท่าอากาศยานภูเก็ต 0-7632-7230-7
สอบถามทั่วไป (เฉพาะการบินไทย) 0-2535-111
สำรองที่นั่งการบินไทย 1560
ข้อมูลและข่าวสาร การบินไทย 1566
บางกอกแอร์เวย์ Banhkok Airways 0-2265-555
นกแอร์ (Nok Air) 1318
0-2900-9955
วัน ทู โก แอร์ไลน์ กรุงเทพฯ : 1126
ต่างจังหวัด : 1141 ต่อ 1126
ไทยสกาย แอร์ไลน์ 0-2694-1400
ภูเก็ตแอร์ไลน์ (Phuket Airline) 0-2679-8999
แอร์เอเชีย (Air Asia) 0-2515-9999
พีบีแอร์ (PBair) 0-2263-0606


แจ้งเรื่องราว ร้องทุกข์ บริษัทขนส่ง จำกัด 1508
0-2936-2852-66
ตารางเดินรถ บขส. ภาคกลาง 0-2537-8055
ตารางเดินรถ บขส. ภาคเหนือ 0-2936-3670
ตารางเดินรถ บขส. ภาคอีสาน 0-2936-0657
ตารางเดินรถ บขส. ภาคตะวันออก 0-2391-6846
ตารางเดินรถ บขส. ภาคใต้ 0-2391-6846

สัตว์ทะเลที่อาจะมีอันตราย

สัตว์ทะเลที่อาจะมีอันตราย
อนึ่ง สรรพชีวิตทั้งหลายในทะเล มิได้ต้องการจู่โจมทำร้ายมนุษย์ อันตรายที่เกิดขึ้นเกือบทั้งหมดเป็นเพราะพวกเขาป้องกันตัว มีน้อยมากที่ทำร้ายเราเพราะต้องการอาหาร และในจำนวนนั้นทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิด สิ่งมีชีวิตหลายแสนชนิดของท้องทะเล ไม่มีชนิดใดที่ล่ามนุษย์เป็นอาหารโดยตรง
คนที่ทำร้ายสัตว์ทะเลก่อน เพราะกลัวเขาจะมาทำร้ายเรา คนพวกนั้นมักได้รับอันตรายจากสัตว์ทะเล
สัตว์ทะเลมีพิษ
ปลา
ปลาหลายชนิดมีพิษอยู่ที่เงี่ยง พิษเหล่านี้ใช้เพื่อป้องกันตัวเท่านั้น เช่น ปลากระเบน ปลาหิน ปลาสิงโต ปลาดุกทะเล ปลาสลิดทะเล ฯลฯ โอกาสที่เราจะโดนพวกเขาทำร้ายมีน้อยมาก ทุกกรณีเกิดจากเราไปทำร้ายเขาก่อน ตัวอย่างต่อไปนี้คือเหตุการณ์ที่เคยเกิดมาแล้ว
  • นักท่องเที่ยวไปเดินในน้ำตื้นแล้วเหยียบปลากระเบน
  • นักท่องเที่ยวไปจับปลาดุกทะเลหรือสลิดทะเลที่ตายแล้ว แต่เงี่ยงยังมีพิษอยู่
  • นักดำน้ำไปจับหรือโดนปลาหินหรือปลาสิงโตเพราะไม่ระวังตัว
  • นักดำน้ำไปขี่หรือเกาะปลากระเบน บางตัวใหญ่มาก เงี่ยงอาจทะลุตัวเหมือนโดนแทงได้
อาการ
เมื่อโดนจะปวดแผลฉับพลัน อาจตกใจหรือเกิดตะคริวจนจมน้ำได้
รักษา
ดึงเงี่ยงที่อาจหักค้างอยู่ออกจากแผล ใช้ของร้อนประคบ เช่น น้ำอุ่น ที่เป่าผม หินเผาไฟ ดูอาการว่าถ้ารุนแรงให้นำผู้ป่วยส่งแพทย์ทันที
งูทะเล
ในทะเลมีงูประมาณ 50 ชนิด พบบ่อยที่สุดใน แนวปะการังเมืองไทย คืองูทะเลปล้องดำ มีพิษ ร้ายแรง แต่โดยธรรมชาติงูทะเลจะไม่ทำร้าย มนุษย์ โดนเจตนา (ยกเว้นในช่วงผสมพันธุ์และ เป็นเพียงบางครั้ง) ตามปรกติงูทะเลจะไม่สนใจ เราเลย เขาจะว่ายน้ำหาอาหารโดยมุดหัวไปตาม ซอกแล้วใช้จมูกดมเพื่อกินไข่ปลาหรือกุ้ง บางครั้งเขาอาจเข้าใกล้เรามาก ไม่จำเป็นต้อง ตกใจจนว่ายหนีฉุกละหุก เมื่อเจองูทะเลให้ว่าย หนีออกมาช้าๆ
อาการ
พิษงูทะเลเป็น Myotoxic มีผลต่อกล้ามเนื้อ ปัสสาวะมักเปลี่ยนสี
รักษา
ให้ปฐมพยาบาลเหมือนโดนงูกัด แล้วหาแพทย์ทันที อย่างไรก็ตาม ทางทีมงาน TalayThai ไม่เคยได้ยินว่ามีนักท่องเที่ยวหรือนักดำน้ำโดนงูทะเลกัด ทั้งหมดที่ทราบคือชาวประมงที่หา ปลาในป่าชายเลน
เม่นดอกไม้ทะเล
เม่นดอกไม้และเม่นข่นสั้นบางชนิด พบตามพื้น ทรายนอกแนวปะการัง มีพิษร้ายแรงอย่าจับ โดยเด็ดขาด แต่หากโดดให้พบแพทย์โดยด่วน
ดาวหนาม
ดาวหนามเป็นสัตว์กินปะการัง พบได้ทั่วไป หนามตามตัวแข็งแรงและแหลมมาก หากโดนเข้าไป จะรู้สึกแปลบ แผลจะหายยากมาก บางครั้ง 6 เดือนแล้วยังไม่หาย (โดนมาแล้ว)
หมึกทะเล
หมึกทะเลเป็นสัตว์กลุ่มหอย ทุกชนิดสามารถกัดเราด้วยฟันคล้ายปากนกแก้ว บางชนิดมีพิษ เช่น หมึกกระดอง แต่ส่วนใหญ่พิษมักไม่มีผลต่อมนุษย์ ยกเว้นหมึกสายวงฟ้า มีพิษร้ายแรงมากจน ถึงตาย แต่เท่าที่ทราบ ไม่มีรายงานหมึกสายกลุ่มนี้ในเมืองไทย
หอยเต้าปูน
หนึ่งในสัตว์มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก (ใช้ยิง ไดโนเสาร์ในเรื่อง The Lost World) ฟันหอยเปลี่ยนรูปเป็นฉมวก เมื่อหอยเจอเหยื่อ หรือป้องกันตัว จะยื่นงวงออกมาก่อนยิงฉมวกใส่ หลายชนิดมีพิษถึงตาย เช่น หอยเต้าปูนลาย แผนที่ การหลีกเลี่ยงทำได้ง่ายมาก คือ ไม่พยายามไปจับหอยเหล่านั้น หรือเก็บหอยมา ไว้ในกระเป๋าเพื่อเอากลับบ้าน เป็นของที่ระลึก
แมงกะพรุน
พิษเกิดจากเข็มพิษ เรียกว่า Nematocyst (นีมา โตซิส) ความรุนแรงของพิษต่างกันออกไป ตามแต่ละชนิดและขนาดตัว พิษเหล่านี้อยู่ที่ หนวดและยังมีพิษอยู่ แม้แมงกะพรุนตายแล้ว หนวดบางเส้นยาวแต่ใส ทำให้พวกเรา มองไม่เห็น วิธีการว่ายหลบแมงกะพรุนจึงควร หลบทางหัว อย่าหลบทางหนวดเด็ดขาด แมงกะพรุนบางชนิดมีพิษรุนแรงถึงตาย เช่น แตนทะเล แต่มีอยู่น้อยมากไม่ค่อยพบในน่านน้ำ ไทย
ปะการัง ดอกไม้ทะเล ไฮดรอยด์
มีเข็มพิษที่หนวด เช่นเดียวกับแมงกะพรุน
อาการ
เป็นผื่นแดง คันมาก บางชนิดมีพิษแรงอาจถึงขั้นแผลไหม้
รักษา
อย่าใช้น้ำราดแผลเพราะจะทำให้เข็มพิษยิงต่อไป ให้หยิบหนวดที่อาจติดอยู่ที่ไป (คนหยิบต้อง ใส่ถุงมือด้วยนะครับ) ใช้น้ำส้มสายชูจำนวนมากราดแผล ฤทธิ์ของน้ำส้มสายชูจะหยุด การทำงานของเข็มพิษ หากเป็นมากให้ส่งแพทย์โดยด่วน
สัตว์อื่นๆ
มีสัตว์หลายชนิดที่มีพิษ เช่น บุ้งทะเล ปะการังไฟ ฟองน้ำไฟ แต่เราสามารถหลีกเลี่ยงพิษเหล่านั้นได้ ถ้าเราระวังตัวอยู่เสมอ ข้อแนะนำที่ได้ผลดีที่สุดคือ "อย่าจับสัตว์ทะเลทุกชนิด ไม่ว่าคุณจะรู้จัก คิดว่ารู้จัก หรือไม่รู้จัก" เราจะไม่ทำร้ายสัตว์ทะเลและไม่ทำร้ายตัวเราเอง
สัตว์ทะเลที่อาจมีอันตราย
ฉลาม
สัตว์ชอบงับมนุษย์ในตามสายตาของคนทั่วไป แต่เป็นปลาที่สง่างามและยิ่งใหญ่ที่สุด ของท้องทะเลในสายตาบางคน สำหรับเรา หลายสิบครั้งที่เจอ เราไม่เคยว่ายหนีฉลาม เพราะทราบกันดีว่าเขาไม่ไม่ใช่สัตว์ดุร้าย ฉลามบางชนิดอาจเป็นอันตราย เช่น ฉลามเสือ แต่หลายชนิดไม่ได้เป็นเช่นนั้น เช่น ฉลามครีบงิน ฉลามหัวค้อน มีรายงานว่าจู่โจมมนุษย์น้อยยิ่งกว่าน้อย ส่วนใหญ่เป็นคำร่ำลือในทางที่ผิดมากกว่า
ไม่มีรายงานว่าฉลามจู่โจมมนุษย์ในเมืองไทย มากกว่า 30 ปีแล้ว แต่ถ้าคุณเจอฉลาม จงใช้ความระมัดระวังทุกครั้ง อย่าประมาท อาจค่อยๆ ว่ายน้ำหนีห่างออกมา แต่ไม่จำเป็นต้องตกใจ โอกาสฉลามกินคนในเมืองไทย น้อยกว่าโอกาสที่รถจะวิ่งเข้าไปชนคุณถึงเตียงนอนในบ้านเสียอีก
ปลาสาก
รูปร่างที่น่ากลัว ทำให้หลายคนกลัวปลาสาก แต่ความเป็นจริงแล้วเราไม่เคยได้ยินว่า ปลาสากจู่โจมมนุษย์ในเมืองไทย แม้แต่ใน เมืองนอกก็น้อยเต็มที ปรกติปลาสากจะรวม ฝูงเพื่อพักผ่อน ในตอนกลางวัน บางครั้งอาจ ว่ายมาดูเราจนใกล้หรือ ติดตามเราตลอด การดำน้ำ ถือเป็นเรื่องปรกติ ในตอนกลางคืน ปลาสากจะล่าเหยื่อ คุณที่ไป Night Dive อาจเห็นปลาสากพุ่งเข้าใส่ แต่ไม่ต้องกลัว เพียงหลบออกจากบริเวณนั้น หรือดับไฟ หลอกล่อปลาสากจะหนีไปในที่สุด
อาการ
เป็นผื่นแดง คันมาก บางชนิดมีพิษแรงอาจถึงขั้นแผลไหม้
รักษา
อย่าใช้น้ำราดแผลเพราะจะทำให้เข็มพิษยิงต่อไป ให้หยิบหนวดที่อาจติดอยู่ที่ไป (คนหยิบต้อง ใส่ถุงมือด้วยนะครับ) ใช้น้ำส้มสายชูจำนวนมากราดแผล ฤทธิ์ของน้ำส้มสายชูจะหยุด การทำงานของเข็มพิษ หากเป็นมากให้ส่งแพทย์โดยด่วน
ปลาไหลมอเรย์
แม้รูปร่างจะน่ากลัว แต่ปลากลุ่มนี้ไม่ดุร้าย โอกาสที่เราจะโดนกัด มักเป็นช่วงผสมพันธุ์ หรือเขาอยู่ในโพรง เรามองไม่เห็นไปจักข้างโพรง จึงโดนกัด
อาการ
เป็นผื่นแดง คันมาก บางชนิดมีพิษแรงอาจถึงขั้นแผลไหม้
รักษา
อย่าใช้น้ำราดแผลเพราะจะทำให้เข็มพิษยิงต่อไป ให้หยิบหนวดที่อาจติดอยู่ที่ไป (คนหยิบต้อง ใส่ถุงมือด้วยนะครับ) ใช้น้ำส้มสายชูจำนวนมากราดแผล ฤทธิ์ของน้ำส้มสายชูจะหยุด การทำงานของเข็มพิษ หากเป็นมากให้ส่งแพทย์โดยด่วน
เม่นทะเล
เม่นดำหนามยาวเป็นสัตว์ที่ทุกคนรู้จักดี หลายคนเคยโดนหนามเม่นทิ่มมาก่อน วิธีแก้ไข ไม่ยาก ใช้ขวดนวดแผลไปมา หนามข้างในจะ แตกและหายไปในเวลา 24 ชั่วโมง อย่าบ่ง หรือทุบแผลรุนแรง อาจอักเสบ ให้กินยาแก้ ปวดช่วย การป้องกันให้ระวังตัวเสมอ โดย เฉพาะนักดำน้ำแบบ Snorkelling อย่ายืนบน ก้อนปะการัง อย่าเข้าไปในบริเวณที่ตื้นมาก โดยเฉพาะในช่วงที่มีคลื่นลม คลื่นอาจซัด เราไปโดนเม่นทะเลได้
สัตว์อื่น
มีสัตว์อีกหลายชนิดที่อาจเป็นอันตราย เช่น กั้งตั๊กแตน ปลาปักเป้า เพรียง หอยนางรม ฯลฯ แต่ทุกอย่างมีทางป้องกันโดยไม่ประมาท สำหรับแผลที่เกิดขึ้นจากปะการังหรือ สัตว์ใต้ทะเล ทำร้าย บางครั้งอาจติดเชื้อจากน้ำทะเล ให้ใช้ยาฆ่าเชื้อและรักษาความสะอาดแผลอย่างดี
ที่มา : talaythai.com

การเตรียมตัวเดินทาง และข้อควรปฎิบัติในการเที่ยวน้ำตก

การเตรียมตัวเดินทาง และข้อควรปฎิบัติในการเที่ยวน้ำตก
การเตรียมตัวเดินทางเที่ยวน้ำตก
  1. ศึกษาหาข้อมูล เกี่ยวกับน้ำตกที่จะเดินทางไปเที่ยวในทุก ๆ ด้าน เช่น การเดินทาง สภาพของ น้ำตก ที่ตั้ง และพื้นที่ ว่าอยู่ในพื้นที่ประเภทไหน เช่น อุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือพื้นที่ที่ อยู่ในความดูแลของจังหวัด นักท่องเที่ยวจะต้องทราบข้อมูล ตั้งแต่เริ่มออกเดินทางจนถึงการเข้าถึงตัวน้ำตก ซึ่งบางแห่งรถยนต์เข้าถึง บางแห่งต้องเดินเท้า ต่อ บางแห่งต้องเดินป่าและบางแห่งอาจต้องล่องแก่งเข้าไป หรือจำเป็นต้องพักค้างแรมในป่า
  2. วางแผนการเดินทาง โดยนำข้อมูลมาจัดเรียง เช่น ในบางพื้นที่อาจจะมีน้ำตกอยู่ใกล้เคียงกัน หลายแห่ง บางพื้นที่อาจมีจุดสนใจใกล้เคียงอื่น ๆ ด้วย จึงต้องจัดการเดินทางออกเป็นวัน ๆ
  3. ติดต่อประสานงานล่วงหน้า เท่าที่จะทำได้ เพื่อความแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นพาหนะ การจองตั๋ว ล่วงหน้า จอง ที่พัก โดยเฉพาะในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ หรือหากเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งต้องทำหนังสือขออนุญาต เข้าไปศึกษาธรรมชาติก่อนจึงจะเข้าไปในพื้นที่ได้ แต่เขตรักษา พันธุ์สัตว์ป่าบางแห่ง อาจอนุโลมให้เข้าไป เที่ยวชมได้ เช่น น้ำตกโตนงาช้าง และน้ำตกทีลอซู
  4. เตรียมพาหนะให้พร้อม หากเป็นรถที่ขับไปเองต้องตรวจสภาพเส้นทางในช่วงนั้น ตรวจความพร้อมของ พาหนะให้สมบูรณ์ หากเป็นรถที่เช่าเหมาไปต้องบอกข้อมูลกับคนขับให้ทราบเพื่อการเตรียมตัว
  5. รองเท้าที่เตรียมไป ควรให้เหมาะกับสภาพของน้ำตกที่จะเดินทางไป เช่น หากเป็นน้ำตกที่รถ เข้าถึง ไม่ ต้องเดินมาก ก็อาจเป็นรองเท้าแตะแบบรัดส้นธรรมดา แต่หากต้องเดินมากหน่อยใน เส้นทางที่ค่อนข้าง สมบุกสมบัน ควรใช้รองเท้าผ้าใบที่สวมสบาย ๆ พร้อมจะลุยและเปียกน้ำ เพราะบางช่วงต้องข้ามน้ำ หรือ หากเป็นเส้นทางเดินป่า เช่น น้ำตกขุนพองที่ต้อง เดินป่า ประมาณ 10 กิโลเมตร ก็ควรใช้รองเท้าสำหรับเดิน ป่า
  6. เตรียมอุปกรณ์เพื่อพักแรมในป่า รวมทั้งน้ำและอาหารให้พร้อม ในกรณีที่ต้องพักค้างกลางป่า
  7. เตรียมยากันแมลง ทาก และชุดสามัญ
  8. เตรียมร่างกายให้แข็งแรง
ข้อควรระวังในการเที่ยวน้ำตก
  1. เนื่องจากช่วงของการเดินทางเที่ยวน้ำตกนั้น มักอยู่ในฤดูฝน ควรจะตรวจตรา ระวังในเรื่อง ระดับน้ำและ น้ำป่า หากสังเกตว่าธารน้ำตกมีน้ำเต็มเปี่ยม ไหลแรง การเดินข้ามลำธารหรือ ลงเล่นน้ำควรต้องเพิ่มความ ระมัดระวัง หรือพยายามหลีกเลี่ยง และหากมีฝนตกหนักบริเวณนั้น หรือในผืนป่าต้นน้ำเป็นเวลานาน ๆ ควรขึ้นจากสายน้ำ และขึ้นมาอยู่ในบริเวณที่ปลอดภัย
  2. การเดินป่า หรือเลาะริมลำธาร หากจำเป็นต้องตัดข้ามไปมาบ่อยครั้ง ก็ควรยอมเปียกด้วยการ เดินลุยน้ำ เพราะการโดดข้ามไปตามก้อนหิน อาจเสี่ยงต่อการลื่นล้มได้รับบาดเจ็บได้
  3. หากจะต้องตั้งแค้มป์พักแรมกลางป่า ควรตั้งในที่สูงขึ้นมาจากสายน้ำพอสมควร เพราะอาจเกิด น้ำป่าไหล หลากลงมาได้
  4. ไม่ประมาท หรือหยอกล้อกันในบริเวณที่อาจจะเกิดอันตราย เช่น ริมผาน้ำตก ริมลำธาร เป็นต้น
  5. น้ำตกบางแห่งมีคำเตือน "ห้ามเล่นน้ำในบางบริเวณนี้" เช่น บริเวณอ่างน้ำตกพรหมโลก นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบริเวณที่มีน้ำวน ทำให้ผู้ลงไปเล่น จมน้ำเสียชีวิตได้ จึงไม่ควรฝ่าฝืน
  6. ควรระมัดระวังอย่าให้การเข้าไปเที่ยวน้ำตกของท่าน เป็นการรบกวนหรือทำลายธรรมชาติ
ข้อควรปฏิบัติและไม่ควรปฏิบัติ
  1. ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในการเที่ยวน้ำตก เพราะนอกจากจะทำให้เกิดการมึนเมา เสี่ยงต่อการ จมน้ำ หรือพลัดตกจากผาน้ำตกแล้ว เศษแก้วเศษขวดที่แตกยังเป็นอันตรายต่อ ผู้อื่นและธรรมชาติอีกด้วย
  2. ควรเคารพสิทธิ์ผู้อื่นที่เดินทางเข้าไปสัมผัสธรรมชาติร่วมกัน
  3. ไม่ทิ้งขยะในทุกพื้นที่ ยกเว้นภาชนะที่ได้จัดไว้ให้เท่านั้น
  4. ช่วยกันเก็บขยะออกจากพื้นที่ เพื่อให้แหล่งธรรมชาติงดงามน่าชมตลอดไป
  5. ควรปฏิบัติตามกฎระเบียบของสถานที่นั้น ๆ เช่น กฎระเบียบของอุทยานแห่งชาติ หรือกฎข้อ บังคับของ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
  6. ควรให้การเดินทางเข้าไปสัมผัสธรรมชาติของท่านเป็นการเรียนรู้ที่คุ้มค่าที่สุด

การเตรียมตัว และ ข้อควรปฏิบัติของนักดูนก

การเตรียมตัว และ ข้อควรปฏิบัติของนักดูนก
การเตรียมตัวไปดูนก
การดูนกถือเป็นการเดินทางไปชมธรรมชาติหรือป่าเขาลำเนาไพรที่เรามักนิยมทำกัน แต่ในการเดินทางไปชม ธรรมชาติในครั้งนี้ เราจะเน้นที่นก ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องมีกล้องสองตา (Binoculars) หรือกล้องเทเลสโคป (Telescope) ติดตัวไปด้วย เพื่อช่วยให้เห็นนกได้อย่างชัดเจน เห็นรายละเอียดของรูปร่าง สีสัน และพฤติกรรม ต่าง ๆ ราวกับว่านกที่เราเห็นกำลังเกาะ กระโดด หรือบินอยู่ใกล้ ๆ ตัวเรา
ก่อนออกเดินทางไปดูนกในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นในอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า พื้นที่อนุรักษ์ หรือสถานที่ดูนก (Birding Spot) นักดูนกทุกคนควรเตรียมตัวดังต่อไปนี้ เพื่อให้การเดินทางไปดูนก ในธรรมชาติได้รับประโยชน์สูงสุด
  1. ศึกษาและหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่จะไปดูนกให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เช่น เส้นทางที่ใช้เดินทางไป สถานที่ดูนก เส้นทางภายในสถานที่ดูนก พืชพรรณธรรมชาติ และลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ลักษณะ ของที่พัก ซึ่งอาจเป็นบ้านพัก หรือต้องกางเต็นท์ รวมทั้งการขออนุญาตเข้าไปใช้พื้นที่ล่วงหน้าด้วย
  2. ศึกษาชนิดของนกที่อาจพบในสถานที่ที่จะไปดูนก โดยติดต่อขอรายชื่อนกที่สำรวจพบในพื้นที่นั้น ๆ จาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  3. เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นในการดูนกภาคสนามให้พร้อม ได้แก่ กล้องสองตา กล้องเทเลสโคป คู่มือดูนก สมุด บันทึก ปากกา หรือดินสอ ควรตรวจสภาพกล้องสองตาให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง
  4. เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นในการเดินทางไปดูนกในธรรมชาติ เช่น หมวก กระติกน้ำ และอุปกรณ์ส่วนตัวอื่น ๆ ถ้าหากเดินทางไปดูนกในช่วงฤดูฝน ควรเตรียมร่ม เสื้อกันฝน และถุงพลาสติก เพื่อใช้ใส่กล้องสองตาไป ด้วย
  5. แต่งกาย หรือจัดเตรียมเสื้อผ้า ซึ่งมีสีสันเข้ากับสภาพแวดล้อม เช่น เขียว น้ำตาล น้ำเงิน เ เทา หรือดำ ไม่ ควรใส่เสื้อผ้า หรือหมวกสีขาว หรือสีสดใสอื่น ซึ่งถือว่าเป็นสีเตือนภัย (Warning Color) เพราะนก สามารถมองเห็นได้แต่ไกลและอาจบินหนีไปก่อนที่เราจะได้เห็นตัว
ข้อควรปฏิบัติ
เมื่อกิจกรรมดูนกแพร่หลายออกไปก็จำเป็นต้องมีข้อปฏิบัติที่เป็นหลักเกณฑ์ไปในทางเดียวกัน เพื่อให้นักดูนกทุก คนได้คำนึงถึงความสุขของนกมากที่สุด และต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นด้วย นักดูนกทุกคนควรยึดข้อ ควรปฏิบัติ 9 ประการ ดังนี้
  1. ความสุขของนกต้องมาก่อน การดูนก การถ่ายภาพ การอัดเสียง รวมทั้งการศึกษาทางวิชาการ ควรคำนึงเสมอว่า ต้องไม่เป็นการรบกวน หรือสร้างความลำบากให้แก่นก
  2. อนุรักษ์แหล่งอาศัยหากินของนก การกระทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูนกต้องไม่เป็นการบุกรุก ทำลายแหล่งอาศัยหากินของนกจนพื้นที่นั้นเสียหายหรือเสื่อมโทรมลงไป
  3. เมื่อพบนกที่หายากทำรัง ต้องคำนึงถึงการอนุรักษ์ก่อนสิ่งอื่นใด พยายามคุ้มครองนกให้ดีที่สุด ควรบอก เฉพาะผู้ที่ควรจะทราบเท่านั้น ไม่ควรรีบบอกต่อไปยังนักดูนกคนอื่น ๆ เพราะอาจทำให้นักดูนกจำนวน มากมุ่งไปดูนกที่หายากจนเป็นการรบกวนนก
  4. มื่อพบนกย้ายถิ่นที่หายาก ต้องนึกอยู่เสมอว่า หากข่าวแพร่ออกไปต้องมีนักดูนกมาดูกันมาก ซึ่งอาจมีผล กระทบอื่น ๆ ตามมา เช่น เป็นการรบกวนนก รวมทั้งเจ้าของพื้นที่และผู้อยู่ใกล้เคียง พื้นที่ที่นกหากินอาจ เกิดความเสียหาย หรือเกิดปัญหากับเจ้าของพื้นที่หรือไม่
  5. ปฏิบัติตามกฎหมายอนุรักษ์เสมอ ไม่ว่าจะไปดูนกยังสถานที่ใด เราควรเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายที่ อนุรักษ์นกและพื้นที่นั้นเสมอ
  6. เคารพสิทธิของเจ้าของพื้นที่ ไม่ควรเข้าไปดูนกภายในพื้นที่ใดโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ การไปทุก ครั้งควรแจ้งให้เจ้าของพื้นที่ทราบล่วงหน้าเสมอ
  7. เคารพสิทธิของผู้อื่นที่ใช้สถานที่ร่วมกัน ในขณะที่ผู้อื่นดูนกอยู่ ไม่ควรทำให้นกตกใจ จนบินหนีไป ต้องคำนึงเสมอว่ามีผู้อื่นที่ใช้สถานที่ร่วมอยู่กับเรา และหากมีผู้อื่นที่ไม่ใช่นักดูนก อยู่ในบริเวณนั้นด้วย ไม่ควร กระทำสิ่งใดที่เป็นการรบกวนกิจกรรมที่เขากำลังดำเนินอยู่
  8. รายงานการพบนกให้หน่วยงานที่เก็บข้อมูลและเจ้าของพื้นที่เก็บไว้ การศึกษาและอนุรักษ์นกในปัจจุบันมี ผลมาจากการรายงานการพบนกของนักดูนกในอดีต ดังนั้น การที่เรารายงานการพบนกในปัจจุบันให้ผู้ที่ เกี่ยวข้องได้ทราบ จะเป็นประโยชน์ต่อการดูนก การศึกษา และการอนุรักษ์นกในอนาคต
  9. ปฏิบัติเช่นเดียวกับในต่างประเทศ ไม่ว่ากฎหมายของแต่ละประเทศบัญญัติไว้ต่างกันเช่นไร แต่การดูนกก็ มีหลักเกณฑ์เหมือนกันทุกแห่ง นักดูนกจึงควรยึดหลักเกณฑ์ที่กล่าวมา แล้วในทุกแห่ง เพื่อการดูนกจะได้ เป็นกิจกรรมสากลในระดับนานาชาติอันจะเป็นผลดีในการ ร่วมมือกันอนุรักษ์นกต่อไป

เตรียมตัวเที่ยวป่า

เตรียมตัวเที่ยวป่า
ก่อนที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวศึกษาธรรมชาติในป่านั้น ต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อม ดังนี้
1. สถานที่
ต้องหาข้อมูลของสถานที่นั้นให้มากที่สุด ทั้งนี้เพื่อจะได้จัดเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม เพราะแต่ละ สถานที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่แตกต่างกัน
2. การแต่งกาย
การแต่งกายควรเป็นชุดที่ใส่สบาย คล่องตัว และใช้โทนสีที่กลมกลืนกับธรรมชาติ เช่น สีเขียว หรือ น้ำตาล
หมวก นับว่ามีประโยชน์มากในการเดินป่า หมวกที่เลือกใช้จะเป็นหมวกปีกหรือหมวกแก็บก็ได้
เสื้อและกางเกง ควรใส่เสื้อแขนยาว เพื่อป้องกันแมลง หนามและแสงแดด เนื้อผ้าควรเป็นชนิดที่ซับน้ำ ได้ดี เพื่อจะได้ดูดซับเหงื่อช่วยระบายความร้อน กางเกงควรเป็นกางเกงที่สวมสบาย
เสื้อผ้าควรแบ่งออกเป็น 2 ชุด คือ ชุดเดินป่า 1 ชุด และชุดนอน 1 ชุด นอกจากนั้นควรมีเสื้อแจ็กเก็ตอีก 1 ตัว และถุงเท้า เพราะในเวลากลางคืนในป่าจะมีอากาศเย็น
รองเเท้า เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ควรเป็นรองเท้าเดินป่าหุ้มส้นที่แข็งแรงและสวมใส่พอดี
3. อุปกรณ์เดินป่า
เป้หลัง ควรเลือกชนิดที่เบา มีขนาดกะทัดรัดคล่องตัว เต็นท์ ถุงนอน เปลสนาม ไฟฉาย เสื้อ กันฝน มีดพก กระติกน้ำ หม้อสนาม ชุดยาสามัญ เชือก สมุดบันทึก ถุงพลาสติก ฯลฯ
4. การเดินป่า
ก่อนออกเดินป่าควรสำรวจความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้พร้อม ดื่มน้ำให้อิ่ม และเติมกระติกน้ำให้เต็ม ศึกษาจุดเริ่มต้นและจุดหมายปลายทางให้เข้าใจ




ข้อปฏิบัติของนักเท่องเที่ยวในแนวประการัง

ข้อปฏิบัติของนักเท่องเที่ยวในแนวประการัง
นักดำน้ำอาจเป็นผู้ที่ทำลายแนวปะการังลงไปโดยไม่ตั้งใจ นักดำน้ำที่ดี จะพยายามไม่แตะต้องแนวปะการังเลย เราสามารถที่จะหลีกเลี่ยงความเสียหายนี้ได้ดังต่อไปนี้
  1. ใช้ตะกั่วถ่วงน้ำหนักให้เหมาะสม และเอาใจใส่กับการปรับการลอยตัวอย่างเคร่งครัด
  2. ควบคุมการใช้ตีนกบเมื่อว่ายอยู่เหนือแนวปะการัง ระวังอย่าเตะตีนกบไปถูกแนวปะการัง
    และอย่าเตะทราย ให้ฟุ้งขึ้นมา เพราะทรายที่คลุ้งลอยไปตกบนตัวปะการัง จะทำให้ปะการังตาย
  3. อย่าเก็บสิ่งของจากท้องทะเลโดยเด็ดขาด
  4. อย่ายืนพักตัวบนปะการัง โขดปะการังขนาดใหญ่ แม้จะดูแข็งแรง
    แต่ในตัวมันนั้นคือชีวิตปะการังตัวเล็ก ๆ ที่อาจจะตายได้แค่ถูกสัมผัส
  5. อย่าแตะต้องแนวปะการัง หลีกเลี่ยงการจับต้องปะการังที่ยังมีชีวิตอยู่
    เพียงมือไปสัมผัสลงบนตัวปะการัง เพียงเบา ๆ แม้จะไม่ทำให้มันหักลงมาก็ตาม แต่อาจจะฆ่าตัวปะการังได้
  6. เก็บอุปกรณ์ที่เป็นสายระโยงระยางให้เรียบร้อย นักดำน้ำที่ปล่อยให้สายอากาศสำรอง
    หรือสายวัดอากาศ ลากไปมักจะไปเกี่ยวกับปะการังอยู่เสมอ ๆ
  7. รัดเข็มขัดตะกั่วให้เรียบร้อย เข็มขัดตะกั่วถ้าเกิดตกลงไปจะทำให้ปะการังเสียหายมาก
  8. อย่าสัมผัสหรือจับต้องสัตว์น้ำทุกชนิด อย่าดำน้ำไล่ต้อน แต่ให้เฝ้าชมอยู่ในระยะห่างพอสมควร
    โดย เฉพาะสัตว์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นปลากระเบนราหูหรือปลาฉลามวาฬ เพราะจะเป็นเหตุให้ สัตว์ใหญ่ เหล่านี้ตื่นกลัวและอาจจะไม่ยอมเข้าใกล้นักดำน้ำอีกเลย