แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ travel แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ travel แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

พื้นฐานการปีนผา



สำหรับ ผู้ที่รักการเสี่ยง ชอบอะไรที่ตื่นเต้น ท้าทาย แล้วก็ไม่กลัวความสูง และไม่เป็นโรคหัวใจ กิจกรรมการปีนหน้าผา เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ซึ่งถือว่าเป็นการท่องเที่ยว ที่เข้าไปสัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด โดยไม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม ไม่ก่อมลภาวะหรือความเสียหายแก่ สถานที่ใด ๆ ทั้งสิ้น

นอกจากความเพลิดเพลิน แล้ว การปีนหน้าผายังเป็นกีฬาอย่างหนึ่งด้วย เพราะร่างกายได้เคลื่อนไหวและออกแรงใน การพยายามที่จะไปให้ถึงจุดสูงสุดที่ตั้งใจเอาไว้ แต่การปีนหน้าผาใช่แต่จะใช้กำลังและความคล่องตัวเพียงเท่านั้น ยังรวม ถึงการมีสมาธิและความมั่นคงในการที่จะผ่านชะง่อนหินและด่านต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นโดยธรรมชาติ นอกจากนั้นการตัดสิน ใจที่รอบคอบ ประสบการณ์และความชำนาญก็มีส่วนสำคัญ เพราะการผิดพลาดบางครั้งอาจจะเกิดอาการบาดเจ็บและเป็นอันตราย

การปีนหน้าผานั้นอาจจะดู คล้ายการปีนเขาก็จริง แต่มีอันตรายน้อยกว่ามาก โดยบริษัทนำเที่ยวจะมีการทำเครื่องหมาย หรือเครื่องยึด ทำให้สะดวกและง่ายต่อการปีน มีผู้ควบคุมเชือก หรือบีเลเยอร์ (Belayer) ช่วยดึงและแนะนำการปีนอยู่ที่ พื้นด้านล่าง และจะมีการฝึกสอนให้รู้จักเทคนิค อุปกรณ์ และทดลองปีนกับหน้าผาจำลองก่อน

ในระยะแรก ๆ กลุ่มนักปีนหน้าผาส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวใน ประเทศไทย โดยเฉพาะ ที่กระบี่ได้รับการกล่าวขานถึงความสวยงามของสถานที่และความซับซ้อนของหน้าผา ในขณะที่คนไทยยังมองว่าการปีน หน้าผาเป็นกิจกรรมที่อันตราย แต่ในปัจจุบันหลังจากที่กระแสการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ได้รับความสนใจจาก นักท่องเที่ยว ชาวไทย ก็มีการแสวงหาการท่องเที่ยวแบบใหม่ ๆ ที่เน้นการผจญภัย และความตื่นเต้น เช่น การล่องแก่ง ดำน้ำ ขี่จักรยาน เสือภูเขา และกิจกรรมการปีนหน้าผา ทำให้ปริมาณผู้สนใจ และบริษัทนำเที่ยวที่จัดกิจกรรมในลักษณะนี้เพิ่มมากขึ้น

อุปกรณ์พื้นฐานสำหรับการปีนหน้าผาเบื้องต้น
อุปกรณ์พื้นฐานสำหรับการปีนผาเบื้องต้นแบบ Top Roping มีดังนี้
  • ฮาร์เนส (Harness) หรือสายรัดสะโพก ลักษณะเป็นห่วงส่วนเอวและส่วนขา ซึ่งถูกโยงไว้ด้วยกันโดยสายในล่อนทั้ง ด้านหน้าและด้านหลัง สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 2 ตัน
  • คาราไบเนอร์ (Carabiner) เป็นห่วงเหล็กหรืออะลูมิเนียม อัลลอย (อย่างหลังนิยมกว่าเพราะน้ำหนักน้อยกว่า) สามารถ รับแรงดึงได้ 2 ตัน หลายรูปร่างและขนาด ขึ้นอยู่กับการใช้งาน มี 2 ประเภทหลักคือ แบบมีตัวล็อก (Screwgate Carabiner) และแบบไม่มีตัวล็อก (Snap Carabiner) สำหรับตัวที่ใช้เกี่ยวกับห่วงฮาร์เนสทุกตัวต้องมีตัวล็อกเสมอ
  • ควิกดรอว์ (Quickdraw) คือสายไนลอนสั้น ๆ ซึ่งมีคาราไบเนอร์เกี่ยวอยู่ตรงปลายทั้ง 2 ข้าง ใช้สำหรับเกี่ยวกับหมุด ตามหน้าผา ป้องกันการตกจากที่สูงทีเดียวถึงพื้น
  • อุปกรณ์บีเลย์ (Belay Device) ใช้ สำหรับผ่อนเชือกให้นักปีนผาและควบคุมความเร็วในการโรยตัว มีชื่อเรียกแตก ต่างกันไปตามรุ่นที่ผลิต เช่น Grigri, Figure of Eight, ATC
  • รองเท้าปีนผา จะมีพื้นเรียบ ไม่มีดอกยาง หัวรองเท้าแคบเพื่อให้สอดเท้าเข้าไปบนช่องหินได้สะดวก เมื่อสวมแล้วต้อง รู้สึกว่าคับแน่นจึงจะเหมาะกับการปีนหน้าผา
  • แมกนีเซียม คาร์บอเนต หรือ ผงชอล์ก เป็นผงคล้ายแป้ง ใส่ถุงผ้า ห้อยไว้ด้านหลังของนักปีนผา ใช้สำหรับลดความชื้น ที่มือเพื่อความถนัดในการเกาะเกี่ยว
  • เชือกสำหรับปีนผา (Kernmantle) เป็นเชือกลักษณะพิเศษ คือ มีความเหนียว ไม่ยืดง่าย สามารถรับแรงดึงได้ถึง 2 ตัน เชือกเส้นหนึ่งประกอบด้วยเชือกเส้นเล็ก 2 เส้นควั่นกันอยู่ชั้นในสุดและพันด้วยไนลอน ความยาวมาตรฐานของเชือกคือ 45 เมตร 50 เมตร และ 60 เมตร

การฝึกปีนผาเบื้องต้น
ตัวอย่างหนึ่งของการฝึกปีนหน้าผา ของชมรมปีนหน้าผากรุงเทพฯ ซึ่งเปิดเป็นโรงเรียนสอนปีนหน้าผา ทำการฝึกโดย เริ่มจากการเรียนรู้ถึงอุปกรณ์ การใช้ ระบบการทำงานและเทคนิคในการปีน

ในการฝึกขั้นต้นหลังจาก การแนะนำอุปกรณ์แล้ว จะเป็นการฝึกการปีนแบบ Bouldering ซึ่งเป็นการปีนโดยใช้เพียง รองเท้าและผงแมกนีเซียม คาร์บอเนตกันลื่นเท่านั้น ในการฝึกปีนหน้าผานั้น มีหลักอยู่ว่าการปีนหน้าผาที่ดี คือต้องเคลื่อน ไหวโดยให้ร่างกายอยู่ในลักษณะสมดุลกัน ลักษณะการปีนของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ผู้ปีนจะต้องสังเกตว่าการเคลื่อน ไหวแบบไหนที่ตนเองถนัดและสามารถเคลื่อนต่อไปได้โดยไม่ต้องเสียแรงมากเกินไป การปีนต้องอาศัยความมั่นคงของมือ และเท้าในการเกาะและเหยียบ

หลังจากการฝึก Bouldering ก็เป็นการฝึกผูกเงื่อนเชือกปีนผา (Kernmanle) ซึ่งมีความเหนียวแข็งแรง สามารถ รับแรงดึงได้ถึง 2 ตัน บิดให้เป็นห่วง หมุนเกลียว 2 ครั้ง ใช้ปลายเชือกด้านหนึ่งสอดเข้าไปในห่วง แล้วย้อนกลับมาพันขึ้น พันลงตามแนวเดิมของเชือก ซึ่งเป็นการผูกแบบเงื่อนเลขแปด การผูกเชือกนี้สำคัญมากสำหรับนักปีนผา เพราะจะใช้ผูกกับ ห่วงฮาร์เนสเพื่อดึงตัวนักปีนผาไว้กรณีที่ตกลงมา

การปีนผาเบื้องต้นมักจะ เริ่มจากการปีนแบบ Top Roping คือมีผู้ปีนนำ (Leader) นำเชือกขึ้นไปสอดผ่าน แองเคอร์ (Anchor) ซึ่งอยู่ตรงจุดปลายทางของการปีน ดึงเชือกลงมายังพื้นให้ปลายด้านหนึ่งยาวพอที่ผู้ปีนสามารถ ผูกเงื่อนเลขแปดไว้กับฮาร์เนสของตัวเอง ส่วนปลายเชือกอีกด้านหนึ่งนั้น บีเลเยอร์จะร้อยผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า บีเลย์ (Belay Device) แล้วคล้องอุปกรณ์บีเลย์ไว้กับห่วงฮาร์เนสของตัวเอง

อุปกรณ์บีเลย์มีอยู่หลาย แบบ ทั้งบีเลย์ เพลต (Belay Plate) รูปร่างแบน มีรู 2 รู คล้ายกระดุมอะลูมิเนียมเม็ดใหญ่ ฟิกเกอร์ ออฟ เอท (Figure of Eight) เป็นอะลูมิเนียมรูปร่างลักษณะคล้ายเลขแปดอาระบิก ห่วงบนและห่วงล่างมีขนาด ไม่เท่ากัน อุปกรณ์อีกตัวคือ ATC ลักษณะคล้ายตะกร้าใบเล็ก เป็นชนิดหนึ่งของบีเลย์ บางครั้งอาจจะใช้กรีกรี (Grigri) ซึ่งมีคันโยกสำหรับผ่อนเชือกและมีตัวล็อกอัตโนมัติช่วยผ่อนแรงได้ด้วย

สำหรับการฝึกเบื้องต้น ของชมรมปีนเขา จะใช้เวลาในการฝึกที่ชมรมเป็นเวลาประมาณ 2 อาทิตย์ จึงจะมีการเดินทางไป ยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ

ข้อมูลเพิ่มเติม
นักท่องเที่ยวและผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูล และรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากชมรม และบริษัทนำเที่ยวที่จัดกิจกรรม ปีนหน้าผา และการโรยตัวจากหน้าผาได้ หรือสามารถหาอ่านข้อมูลได้จาก “คู่มือแนะนำเส้นทางปีหน้าผาในเมืองไทย” โดยสมพร สืบเหตุ

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552

การเตรียมตัวไปล่องแก่ง


ก่อนจะไปล่องแก่งควรเตรียมตัวสำหรับการเดินทางให้เหมาะสมเพื่อให้ได้รับความสนุกสนาน ความปลอดภัย โดยไม่ส่งผลกระทบกับธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ดังต่อไปนี้

Photobucket

1. พื้นที่ที่จะเดินทางไปส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตป่าต้นน้ำที่ธรรมชาติมีความเปราะ บาง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะ ต้องติดต่อขออนุญาตเดินทางเข้าไปในพื้นที่ต่าง ๆ ให้ถูกต้อง เช่น การขออนุญาตต่อกรมป่าไม้ หน่วย งานที่ดูแลพื้นที่เหล่านั้นด้วย

2. การล่องแก่งเป็นกิจกรรมประเภทท่องเที่ยวธรรมชาติกึ่งการผจญภัย จำเป็นที่จะต้องใช้ความระมัด ระวังอย่างยิ่งในการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ โดยเลือกใช้บริการที่มีการจดทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวแล้วเรียบร้อย และตรวจสอบรายการท่องเที่ยว และข้อตกลงต่าง ๆ ให้เรียบร้อย เช่น การประกันภัย เครื่องมือ อุปกรณ์ที่มีการให้บริการ

3. การเตรียมตัวท่องเที่ยวทางน้ำ ควรเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสม เช่น กางเกงขาสั้น และเสื้อผ้า ควรใช้ผ้าที่ แห้งง่าย รองเท้าแตะที่มีสายรัดจะดีมาก เพราะต้องเตรียมพร้อมที่จะเปียกน้ำ และขึ้นไปเดินบนฝั่ง หากมีการเดินป่าระยะทางไกล ก็จำเป็นต้องนำรองเท้าผ้าใบไปอีกคู่หนึ่ง ในช่วงฤดูหนาวควรมีเสื้อแจ๊กเกต ผ้ากันลมไว้ใส่กันหนาวช่วงที่ล่องแก่งด้วย

4. เสื้อผ้า อุปกรณ์สำหรับแค้มปิ้ง และกล้องถ่ายภาพ และของใช้ต่าง ๆ ควรใส่ถุงพลาสติก หรือถุงกันเปียก ให้เรียบร้อย การเตรียมสัมภาระต่าง ๆนำไปเฉพาะที่จำเป็นจริงๆ เพราะพื้นที่ขนสัมภาระจำกัด

5. ในการล่องแก่งควรศึกษาข้อปฏิบัติการพายเรือ พยายามมีส่วนร่วมในการเดินทางอย่างดี ควรปฏิบัติตัว ตามคำแนะนำของกัปตันเรือ และมัคคุเทศก์

6. หากมีการรับประทานอาหาร หรือไปประกอบอาหารในป่า ควรเลือกรายการอาหารที่สะดวกง่าย และ หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องกระป๋อง ภาชนะประเภทกล่องโฟม ขวดน้ำ พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียว เพื่อลดขยะ และมลพิษ ทุกครั้งที่เก็บแค้มป์ ควรดูแลความสะอาด พยายามให้พื้นที่กลับสู่สภาพเดิมให้มากที่สุด

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

การเตรียมตัว camping

การเตรียมตัว camping

การหาข้อมูล

ต้องเลือกจุดหมายปลายที่จะเสียก่อน แล้วดูว่าเหมาะสมกับฤดูกาล ที่จะไปหรือเปล่า แหล่งข้อมูลที่เราสามารถค้นคว้า ได้แก่
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. สำนักงานใหญ่ โทร. 2810422
- สวนอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โทร. 5794842
- สวนอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ โทร. 5792776 , 57948
- หนังสือ นิตยสารท่องเที่ยว ทั่วๆ ไป จะมีข้อมูลของแหล่งท่องเที่ยว
- สถานที่พักผ่อนที่เปิดบริการในสถานที่นั้นๆ เช่น โรงแรม รีสอร์ท บังกาโล
- บริษัททัวร์ ชมรม สโมสร มูลนิธิ สมาคม


การเลือกทำเลที่ตั้งแค้มป์ และข้อควรปฎิบัติในการตั้งแค้มป์

1. กำหนดสถานที่ตั้งแค้มป์ ไว้ล่วงหน้า และควรทำการขออนุญาต เจ้าของพื้นที่เสียก่อน
2. หาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่ จะตั้งแค้มป์ จากชาวบ้านหรือเจ้าของพื้นที่
3. ก่อนเดินทางควรจะฝึกกางเต็นท์ และเก็บเต็นท์ ให้เป็นเสียก่อน
4. ควรถึงสถานที่ตั้งแค้มป์ ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน อย่างน้อย 1 ชม.
5. ควรสังเกตพื้นที่ ที่จะตั้งแค้มป์ ว่าเป็นทางเดินของสัตว์ หรือไม่ โดยสังเกตจากรอยเท้า
6. ควรตั้งแค้มป์ในบริเวณที่มีแสงแดด
7. ก่อนตั้งแค้มป์ ควรที่จะปัดกวาดใบไม้ใบหญ้า เอาไปเผาเสียให้หมด
8. ก่อนกางเต็นท์ ควรตรวจดูทิศทางลม แล้วกางเต็นท์ บริเวณต้นลม
9. ควรตั้งแค้มป์ บริเวณที่มีพื้นที่ราบเรียบปราศจาก โขดหินเกะกะ และตอไม้
10. ควรดูทางหนทีไล่รอบๆ แค้มป์ เพื่อที่เกิดกรณีฉุกเฉิน เราจะได้หาทางหนีได้ทัน
11. ควรแบ่งงานกันทำตามหน้าที่
12. ควรมีการสำรองฟืนไว้ โดยการเลือกฟืนนี้ควรเลือกไม้เนื้อแข็ง เพราะจะติดไฟง่าย และอยู่ได้นาน
13. การเข้าไปปลดทุกข์ในป่า ควรห่างจากลำห้วย หรือแม่น้ำ โดยใช้ไม้ หรือมีดปลายแหลม ขุด แล้วกลบให้เรียบร้อย
14. ภาชนะ และสิ่งของเครื่องใช้ ควรรักษาให้สะอาดเสมอ เช่น ขวดน้ำ ควรมีฝาปิดให้มิดชิด
15. ควรทำความสะอาด ที่พัก และบริเวณโดยรอบให้สะอาดก่อนที่จะเดินทางออกไป