วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ขับรถหน้าฝนอย่างปลอดภัย




ฝนตก ถนนลื่น และความประมาท คือสาเหตุหลักของอุบัติเหตุบนท้องถนน ยิ่งถ้าวันไหนฝนตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตาแล้วล่ะก็ ร้อยทั้งร้อยเกิดอุบัติเหตุชัวร์ หากไม่อยากเสียคนที่เรารักหรือคนที่รักเรา รวมทั้งทรัพย์สินที่จะต้องจ่ายให้กับคู่กรณี ลองทำตามคำแนะนำนี้ดู

ไม่ควรขับรถชิดคันหน้ามากจนเกินไป ทิ้งระยะห่างประมาณ 10-15 เมตร เนื่องจากอาจมีการเบรกรถกะทันหัน หรือไม่ก็อาจเป็นละอองน้ำที่ดีดจากรถคันหน้าทำให้ทัศนวิสัยของผู้ที่ขับตามา ไม่ชัดเจน

ชะลอความเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากการขับรถด้วยความเร็วสูง จะทำให้แรงดันของน้ำระหว่างยางกับถนนเพิ่มขึ้น เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะทำให้เกิดการแล่นบนผิวน้ำ โดยน้ำเข้าไปแทรกระหว่างยางกับผิวถนน อาจทำให้รถเกิดการแฉลบได้

ควรเปิดไฟคู่หน้าไว้ตลอดเวลา เนื่องจากเม็ดฝนที่เกาะกระจกทำให้ทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ไม่ชัดเจน การเปิดไฟจึงช่วยได้ในระดับหนึ่ง

หลีกเลี่ยงการเปิดไฟฉุกเฉินเมื่อฝนตกหนัก ให้เปิดเฉพาะไฟต่ำ เนื่องจากเป็นการรบกวนสายตาผู้ขับขี่คันอื่น

ควรตรวจสอบยางรถยนต์เพื่อความปลอดภัย ยางรถยนต์มีผลอย่างมาก หากสูบยางน้อยไปอาจทำให้รถยนต์แฉลบได้ง่าย

ในหน้าฝนควรเพิ่มแรงดันลมให้มากขึ้นจาก เดิมอีก 2-3 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เพื่อให้หน้ายางแข็งและมีกำลังในการรีดน้ำดอกยางและขนาดของหน้ายางยังมีผล ต่อประสิทธิภาพการยึดเกาะในขณะขับรถยนต์ หากใช้ยางดอกละเอียดจะทำให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น

หากฝนตกหนัก สิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่งคือ

1) เมื่อลุยน้ำระดับสูงควรปิดแอร์เพื่อไม่ให้พัดลมไฟฟ้าทำงาน เพราะจะเป็นการตีน้ำให้กระจายเต็มห้องเครื่อง

2) หลังจากขับรถผ่านพ้นจากผิวจราจรที่มีน้ำท่วมแล้ว ควรเหยียบเบรกเพื่อไล่น้ำออกจากเบรก 2-3 ครั้ง การทำงานของระบบเบรกจะกลับสู่สภาพเดิม

3) การจอดรถไม่ควรเข้าเกียร์ค้างไว้ หรือใส่เบรกมือเหมือนยามปกติ เพราะอาจทำให้เกียร์ค้าง หรือเบรกติดได้ ใน กรณีที่จอดรถค้างคืนแล้วตอนเช้าเอารถออกมีเสียงครืดคราดจากเบรกไม่ต้องตกใจ เป็นเรื่องธรรมดา เนื่องจากเบรกติด ซึ่งจะมีเสียงเฉพาะตอนขับรถครั้งแรกเพียงครั้งเดียว ยกเว้นถ้าดังทุกครั้งที่เหยียบเบรกควรไปปรึกษาช่าง

ขับขี่รถด้วยความไม่ประมาท คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่ขับรถ จะช่วยลดอุบัติเหตุ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น