วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เที่ยวไปกับ 12 ราศี



เรื่องท่องเที่ยวเดินทางดูจะเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย และสร้างสีสันใหม่ๆ ให้กับชีวิตของเราได้ดี

ราศีเมษ

ราศีเมษเป็นราศีของ นักบุกเบิกและชอบผจญภัยไปข้างหน้า เป็นคนที่ชอบเรื่องตื่นเต้นและชอบทำอะไรท้าทายมาก การเดินทางที่เหมาะกับคุณ ต้องมีกิจกรรมที่คุณจะได้ใช้พลังงานอย่างเต็มที่ อย่างได้ขี่ม้าในไร่กว้าง เล่นเจ๊ทสกีกลางสายลมและแสงแดด หรือล่องเรือใบไปผจญภัยเกาะที่ไม่เคยมีใครไป

ราศีพฤษภ

ชาวพฤษภเวลาเดินทาง ไปเที่ยวที่ไหนก็ตามมักจะเน้นที่ความสะดวกสบายเป็นหลัก คุณจะดูว่าที่พัก สิ่งแวดล้อมปลอดภัยไหม ดังนั้นคุณจึงมักจะต้องวางแผนการเดินทางก่อนเสมอ คุณไม่ชอบการเดินทางแบบไปตายเอาดาบหน้า ที่สำคัญเรื่องอาหารการกินเป็นสิ่งสำคัญในการเดินทางท่องเที่ยวของคุณมาก

ราศีเมถุน

ชาวเมถุนเป็นพวกขี้ เหงา ชอบอยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูงไปเที่ยวไหนขอไปเป็นกลุ่ม มันอุ่นใจดี ใครรักกับชาวเมถุนโปรดทำใจว่าไม่ค่อยได้ไปกันสองคนแน่ คุณเป็นคนเบื่อง่าย ไม่ชอบอะไรจำเจ การเดินท่องเที่ยวของคุณต้องมีกิจกรรมให้ทำหลากหลายที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ มีสถานที่ที่น่าสนใจ เพราะคุณชอบเรียนรู้อะไรใหม่ๆ

ราศีกรกฎ

ชาวกรกฎเป็นคนรัก ครอบครัวมาก การเดินทางท่องเที่ยวจึงขาดครอบครัวที่แสนดีของคุณไม่ได้ คุณเป็นคนที่มีความหลังฝังใจกับอดีตของคุณ การเดินทางของคุณจะกลับไปในที่ๆ คุณประทับใจ คุณชอบเดินทางไปในที่ๆ มีประวัติศาสตร์ คุณชอบบรรยากาศสบาย ไปปิกนิก กินอาหารอร่อยๆ กับครอบครัวของคุณที่ริมแม่น้ำก็มีความสุขล้นแล้ว

ราศีสิงห์

ชาวราศีสิงห์นั้น เป็นพวกหัวสูง ชอบใช้ชีวิตหรูหรา การเดินทางท่องเที่ยวก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ คือต้องหรูหราไว้ก่อน อย่างล่องเรือสำราญหรูระดับห้าดาว ไปไหนต้องนอนโรงแรมที่ดีที่สุด แต่งตัวต้องดีที่สุด ชอบไปเที่ยวต่างประเทศที่ทันสมัย ย่านดังๆ ที่มีร้านรวงหรูหรา ถ้าคุณรวยพอคุณจะไม่รอช้าที่จะมีเครื่องบินส่วนตัวทันที

ราศีกันย์์

ชาวกันย์เป็นพวกที่ ทำอะไรต้องมีสาระ มีประโยชน์ ราศีนี้มักไม่ใส่ใจเรื่องการเดินทางท่องเที่ยวมากนัก ถ้าจะไปเที่ยวก็ต้องไปเที่ยวแบบมีประโยชน์และได้ความรู้ใหม่ๆ กลับมาด้วย คุณจะสนใจไปเที่ยวกับชมรมดูนก ส่องกล้องดูดาว ชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติ ช่วยเก็บขยะริมทะเล หรือไปตามสถานที่ที่เป็นโบราณคดี

ราศีตุลย์

ราศีตุลย์เป็นพวก ที่ไม่ชอบทำอะไรลุยๆ ไม่ชอบการเดินทางที่ลำบากลำบน ประเภทที่ต้องไปตั้งแค้มป์บุกป่าฝ่าเขา ไม่เอาด้วย ถ้าคุณจะเดินทางคุณจะวางโปรแกรมสุดหรูและสะดวกสบายที่สุด คุณชอบการเดินทางไปในที่ที่สวยงามเจริญหูเจริญตาและดูยิ่งใหญ่ อลังการ สิ่งสำคัญต้องสะอาดด้วย

ราศีพิจิก

ชาวราศีพิจิกเป็นคน ที่ไม่ชอบเรื่องวุ่นวาย ค่อนข้างจะมีความส่วนตัวสูง การเดินทางท่องเที่ยวมักจะชอบไปกับคนที่สนิทและรู้ใจไม่กี่คน คุณไม่ชอบการเดินเป็นกลุ่ม หรือเดินทางไปกับกรุ๊ปทัวร์ คุณชอบไปว่ายน้ำ นอนอาบแดดบนเกาะส่วนตัว หรือแค่ได้ไปดูอีโรติกกับคนพิเศษก็แฮ้ปปี้แล้ว

ราศีธนู

ถ้าพูดถึงเรื่อง เดินทางท่องเที่ยวแล้ว คงต้องยกอันดับหนึ่งให้ชาวธนู ชาวราศีนี้เป็นนักผจญภัยตัวจริง พร้อมที่จะนอนกลางดินกินกลางทราย ไปไหนก็ไม่หวั่น ไปตายเอาดาบหน้า ถ้าไม่ได้เที่ยว คุณจะเฉามาก คุณชอบไปเที่ยวกับแก๊งค์ของคุณ คุณฝันถึงการเดินทางแบบผจญภัยสุดขอบฟ้า ราศีนี้สามารถเดินทางไปได้เรื่อยๆ เหมือนคนพเนจร

ราศีมังกร

ชาวมังกรเป็นคนที่ ชอบคิดมาก เป็นนักวางแผน และมีชีวิตอยู่กับการสร้างฐานะให้มั่นคงแข็งแรง เรื่องการเดินทางท่องเที่ยวจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับคุณนัก แต่ถ้าคิดจะเดินทางท่องเที่ยว คุณก็หวังว่าคุณจะได้สุขภาพที่ดีกลับมาด้วย เช่น การขี่จักรยานวิบาก รวมทั้งความรู้ใหม่ๆ ที่คุณสามารถนำมาใช้ในชีวิตของคุณได้

ราศีกุมภ์

ชาวราศีกุมภ์เป็น พวกนักคิดของอนาคต มีความเป็นตัวของตัวเองสูง มีความคิดที่แปลกกว่าชาวบ้าน สถานที่ที่คุณชอบ อาจเป็นที่ๆ ไม่มีใครคิดจะไป คุณชอบเดินทางไปในที่ๆ แปลกใหม่ ได้รู้จักผู้คนใหม่ๆ คนต่างถิ่นต่างวัฒนธรรมที่คุณไม่เคยสัมผัสมาก่อน ซึ่งจะเป็นการเดินทางที่สนุกมากสำหรับคุณ

ราศีมีน

ชาวราศีมีนเป็นพวก ช่างฝัน อารมณ์อ่อนไหว โรแมนติค แต่ก็ชอบอะไรที่แปลกใหม่ ราศีนี้มักชอบอยู่ใกล้น้ำเหมือนปลา คุณชอบเดินทางทางน้ำ เที่ยวทะเล ดำน้ำ ดูความมหัศจรรย์ใต้ทะเล หรือขึ้นดอยไปดูสายหมอก หมู่บ้านชาวเขา การเดินทางท่องเที่ยวของคุณเหมือนกับฉากๆ หนึ่งในภาพยนตร์ยังไงยังงั้น

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552

11 วิธี ขับรถปลอดภัย ก่อนไปเที่ยวต่างจังหวัด






เป็นการเตรียมพร้อมก่อนออกเดินทางไกล แม้ไม่ใช่เรื่องยากเย็น แต่ต้องทบทวนกันสักหน่อย

1.ตรวจสภาพคนให้พร้อมเป็นสิ่งแรก คือผู้ขับขี่ต้องพร้อม นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

2.ตรวจสภาพรถให้พร้อมน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย ไฟรถ ยางรถ

3.ยางรถเป็นเรื่องสำคัญต้องอยู่ในสภาพดีไม่ควรสึกเกินกว่า 3 ซม. และตรวจลมยางให้อยู่ในพิกัด

4.ระบบเบรกต้องพร้อม ควรเลือกใช้น้ำมันเบรกที่เหมาะสม รวมทั้งผ้าเบรก

5.ใบปัดน้ำฝนและหม้อน้ำ พร้อมปัดและฉีดน้ำได้ทันที

6.ไฟต้องพร้อมทุกดวง โดยเฉพาะไฟส่องทาง ควรตรวจให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ใช้งานได้ทุกเวลา

7.ตรวจหม้อระบายความร้อน เติมน้ำยาป้องกันน้ำเดือด

8.ขณะขับขี่ควรจำกัดความเร็ว ระวังช่วงถนนเปียก และควรลดความเร็วขณะถนนแห้ง

9.อย่าขับจี้คันหน้า ควรทิ้งห่าง 2 วินาที หากถนนเปียก 4 นาทีหรือห่างไม่น้อยกว่า 10 เมตร

10.ใช้ไฟสูงบอกตำแหน่งรถ หากฝนตกหนักและทัศนวิสัยเลวมาก หรือในยามค่ำคืนสามารถใช้ไฟสูงได้ตลอดเวลาและต้องลดไฟลงเป็นไฟต่ำหากมีรถสวนเพื่อบอกตำแหน่งรถ

11.หลีกเลี่ยงการแซงโดยไม่จำเป็น หากจำเป็นต้องแซงให้อดใจรอสักนิด คิดว่าช้าหน่อยดีกว่า หากไม่แน่ใจหรือลังเลแม้แต่น้อย อย่าแซง

ประการสำคัญในการขับขี่ โดยเฉพาะการเดินทางไกล สติของผู้ขับขี่สำคัญที่สุด ต้องคิดว่าจะมีอะไรไว้ก่อน สงสัยประการใดเกี่ยวกับตัวผู้ขับขี่ ให้ไปอ่านข้อ 1 ใหม่ ทั้งต้องอย่าลืมว่า เมื่อนั่งหลังพวงมาลัย ทุกชีวิตอยู่ในความรับผิดชอบของเราทั้งสิ้น อย่าคิดว่านั่งขับรถไปเพียงคนเดียว จะทำอย่างไรก็ได้

ขอให้ปลอดภัยในการเดินทาง หากเรามีสติและไม่ประมาท ก็สามารถลดอุบัติเหตุไปครึ่งหนึ่ง-โชคดี

ที่มา มติชน

วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2552

รู้ไว้ก่อนไปเที่ยวภูเขา



การเดินทางไปเที่ยวแหล่งธรรมชาติประเภทภูเขา ก่อนอื่นนักท่องเที่ยว

ควรเตรียมและศึกษาให้ละเอียดในสถานที่ที่จะไป หรือมีที่พักให้หรือไม่อาหารต้องเตรียมไปเองหรือเปล่า ถนนหนทางเป็นยังไง จะได้วางแผนท่องเที่ยวถูก

ควรวางแผนการเดินทางล่วงหน้าเพราะแหล่งธรมมชาติเหล่านี้มีข้อจำกัดเรื่องการสามารถในการรับพื้นที่โดยเฉพาะในวันหยุดระยะยาว

ควรจองที่พักล่วงหน้าทุกครั้งก่อนการเดินทาง แหล่งธรรมชาติที่เป็นภูเขาเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้ซึ่ง จะต้องติดต่อขออนุญาติ สำหรับอุทยานแห่งชาติ ติดต่อส่วนอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ บางเขน กรุงเทพ โทร. (20) 5614292 ต่อ 706.707

ควรศึกษาและปฎิบัติตามกฎระเบียบของกรมป่าไม้อย่างเคร่งครัดในเรืองของการ อนุรักษ์สัตว์ป่า และพืชพรรณไม้ และรักษาความสงบเรียบร้อย และความสะอาดเพื่อถนอมรักษาแหล่งธรรมชาติของเราไว้ และการเดินทางท่องเที่ยวควรอยู่เฉพาะบนเส้นเท่านั้นควรเตรียมการศึกษา ธรรมชาติเป็นอย่างดี ว่าในแต่และแหล่งนั้น ว่ามีธรรมชาติงดงามเหมาะสมในช่วงใด เช่น ฤดูกาลของดอกไม้ป่าและกล้วยไม้และกล้วยไม้ฤดูกาลของนกกอพยพ เพื่อการเตรียมตัวที่ดีในการศึกษษธรรมชาติ คือการใช้คู่มือการดูนก ดูผีเสื้อ และอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น แว่นขยายและกล้องส่องทางไกลควรเตรียมตัวในการจัดอุปกรณ์การต่าง ๆ เช่น แว่นขยายและกล้องส่องทางไกลควรเตรียมตัวจัดอุปกรณ์ในการเดินป่า แคมปิ้งพักแรมให้เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศ และภูมิอากาศ เนื่องจากบนภูมิประเทศ และภูมิอากาศ เนื่องจากบนภูเขามักหนาวเย็นและมีความชื้นสูง เสื้อผ้า อุปกรณ์สำหรับแคมปิ้ง และของใช้ต่าง ๆ ควรใส่ถุงพลาดสติก และเป้เดินทาง การเตรียมสัมภาระต่าง ๆ นำไปเฉพาะที่จำเป็นจริง ๆ เพราะน้ำหนักของสัมภาระจะถ่วงรังการเดินทาง ควรรักษาสุขภา และเตรียมร่างกายให้พร้อมกับการเดินทางที่ค่อนข้างสมบุกสมบัน ช่วยกันรักษ์ความสะอาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกางเต็นท์พักแรมการประกอบอาหารในป่า ควรเลือกรายการอาหารท่สะดวก ง่าย และหลีกเลี่ยงการใช้เครืองกระป๋อง ภาชนะประเภทกล่องโฟม ขวดน้ำพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียว เพื่อลดขยะและมลพิษทุกครั้งที่เก็บเต็นท์ ควรดูแลสภาพเดิมให้มากที่สุด

วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วิธีป้องกันแมลง..





ใครที่ชอบไปเที่ยวป่าบ่อยๆ แล้วถูกแมลงมารบกวน วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีป้องกันแมลงมาบอก...

หลีกเลี่ยงสารโพแทสเซียมและโซเดียม เพราะ สารเหล่านี้จะพบมากในอาหารที่เค็ม เช่น เกลือและน้ำปลา ซึ่งจะมีคุณสมบัติทำให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญที่สมดุล หากได้รับสารพวกนี้มากเกินไป จะมีผลทำให้ร่างกายเกิดการเร่ง การเผาผลาญ ส่งผลทำให้ร่างกายขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมามากกว่าปกติ ซึ่งสารนี้จะช่วยดึงดูดแมลงให้เข้ามา

หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นแรง เช่น น้ำหอม น้ำยาดับกลิ่น สบู่ แชมพู ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะทำให้ร่างกายมีกลิ่นติดตัว ซึ่งจะเป็นที่ดึงดูดแมลง และอาจจะทำให้สัตว์ป่าบริเวณนั้นตกใจและไม่มาหากินบริเวณนั้น ถึงแม้ว่าจะย้ายที่พักแรมไปแล้วก็ตาม

ใส่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว การใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ถุงเท้า เพื่อปกป้องผิวหนัง จะมีส่วนช่วยในการป้องกันแมลงมากัดได้มากขึ้น

ใส่เสื้อผ้าสีอ่อน เสื้อผ้าสีเข้มมักจะดึงดูดแมลงมากกว่าเสื้อผ้าสีอ่อน ฉะนั้น จึงควรสวมเสื้อผ้าสีอ่อนเพื่อเป็นการป้องกันแมลงอีกทางหนึ่ง

ใช้ยากันแมลง การ ใช้ยาป้องกันแมลงเป็นวิธีที่จะช่วยป้องกันแมลงได้เป็นอย่างดี ยาป้องกันแมลงจะสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ ประเภทที่มีส่วนผสมของสารสังเคราะห์ และประเภทที่มาจากสารสกัดจากธรรมชาติ

การป้องกันแมลงในค่ายพักแรม สามารถใช้ยาป้องกันแมลงฉีดพ่น ไปยังบริเวณมุ้งของเต็นท์หรือเปลได้ แต่ไม่ควรฉีดโดยตรงไปยังอุปกรณ์นั้น เพราะยาป้องกันแมลงจะไปทำลายผ้าไนลอน และอย่าลืมปิดซิปให้เรียบร้อยตลอดเวลา เพื่อไม่ให้แมลงเข้าเต็นท์

ก่อไฟเพื่อไล่แมลง ควันไฟจะมีส่วนช่วยในการไล่แมลงได้ หากบริเวณนั้น ๆ มีแมลงมาก ก็อาจจะก่อไฟกองเล็ก ๆ เพื่อไล่แมลงเหล่านั้น

พกยารักษาแมลงกัดต่อยไปด้วย ไม่สามารถป้องกันแมลงได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นก็อาจจะมีบ้างที่โดนแมลงกัด จึงควรจะพกยาทาสำหรับรักษาแผลแมลงกัดต่อยไว้ใช้ด้วย

รู้อย่างนี้แล้ว ก่อนเที่ยวป่าทุกครั้ง อย่าลืมเตรียมสิ่งของป้องกันแมลงไปด้วย จะได้ปลอดภัยจากแมลงต่างๆ

วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เที่ยวป่าปลอดภัย ในหน้าฝน




ถึงฝนจะตกแดดจะออก สำหรับคนชอบเที่ยว เมื่อหัวใจมันร่ำร้องให้ออกเดินทางซะแล้ว คงไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้ แต่จะให้ปลอดภัยก่อนเดินทางต้องตรวจสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยาที่ www.tmd.go.th แล้วจัดเตรียมสัมภาระต่างๆ ให้เหมาะสมกับทริปที่จะไป ที่เหลือคือสิ่งที่ควรทำ เช่น เที่ยวน้ำตก เดินป่า ล่องแก่ง

ก่อนลงเล่นน้ำสำรวจทางขึ้นลงไว้ด้วยเผื่อฉุกเฉิน เกิดน้ำป่าไหลหลากจะได้หนีขึ้นที่สูงได้ทัน และระหว่างเล่นน้ำโปรดสังเกตสัญญาณของน้ำป่า คือระดับน้ำที่เพิ่มขึ้น แรงขึ้น สีของน้ำเปลี่ยนเป็นสีแดงขุ่น หรือน้ำสีขุ่นขึ้น และฟังเสียงที่ดังผิดปกติของสายน้ำ

ปฏิบัติตามกฎระเบียบของสถานที่อย่างเคร่งครัดเช่น ไม่ลงเล่นน้ำในเขตหวงห้าม ในบริเวณวังน้ำวน หรือกระแสน้ำไหลเชี่ยว ไม่ควรปีนป่ายไปตามริมหน้าผาน้ำตก หรือบนพื้นที่อันตราย อาจลื่นพลัดตกลงมาได้

หากจะล่องแก่ง ต้องมีผู้เชี่ยวชาญดูแล และคุณต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำแนะนำ อีกทั้งต้องใส่อุปกรณ์ชูชีพเสมอ

การเดินป่าต้องระวังสัตว์มีพิษต่างๆหากตั้งแคมป์ในป่าไม่ควรอยู่ใกล้ลำธารเกินไป เพราะอาจมีน้ำป่าไหล ควรเลือกทำเลตั้งแคมป์ที่ปลอดภัยจากระดับน้ำ และเลี่ยงบริเวณที่เคยเป็นร่องน้ำ

การเดินป่าเที่ยวน้ำตกควรใส่รองเท้าเดินป่าที่กระชับ พื้นรองเท้าควรเป็นยางชนิดอ่อน และมีดอกยางซึ่งจะเกาะพื้นหินและพื้นดินได้ดีกว่ารองเท้าพื้นแข็ง โดยเฉพาะหน้าฝนที่พื้นที่ป่าจะลื่นมากกว่าปกติ

ไม่ควรอยู่ในชุดเสื้อผ้าที่เปียก หรืออยู่ในน้ำเย็นเป็นเวลานาน อาจจะเป็นตะคริว จมน้ำ หรือเป็นไข้ได้

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ท่องเที่ยวอย่างไรให้สบายเท้า

“ท่องเที่ยวอย่างไรให้สบายเท้า”



นับ 1 วันจันทร์... นับ 2 วันอังคาร... เฮ้อ... นับ 3 วันพุธ... นับ 4 วันพฤหัส... นับ 5 วันศุกร์ เย้...ยยย!! ในที่สุด ก็ถึงวันสุดสัปดาห์ซะที หลังจากตั้งหน้าตั้งตานับวันรอมานานหลายวัน (แค่ไม่กี่วันนี่นา...) ได้เวลาออกเดินทางไปท่องเที่ยว “ป่า”กันแล้ว YES...!!! อ๊ะๆ แต่ก่อนออกเดินทางเรามาเตรียมตัวให้พร้อมกันก่อนดีกว่า...

ว่ากันด้วยเรื่องของ “สถานที่” คุณต้องศึกษาหาข้อมูลสถานที่ที่คุณจะไปเที่ยวให้มากที่สุด และดูว่าที่นั่นมีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง “อุปกรณ์เดินป่า” เป้หลัง เต็นท์ ถุงนอน เปลสนาม ไฟฉาย เสื้อกันฝน มีดพก กระติกน้ำ หม้อสนาม ชุดยาสามัญ เชือก สมุดบันทึก ถุงพลาสติก ฯลฯ อย่าลืมเตรียมไปให้พร้อมเชียว

ต่อกันที่เรื่องของ “เครื่องแต่งกาย” ควรเป็นชุดที่ใส่สบาย คล่องตัว และใช้โทนสีที่กลมกลืนกับธรรมชาติ เช่น สีเขียว หรือน้ำตาล ควรใส่เสื้อแขนยาว เพื่อป้องกันแมลง หนามและแสงแดดเนื้อผ้าควรเป็นชนิดที่ซับน้ำได้ดี เพื่อจะได้ดูดซับเหงื่อ ช่วยระบายความร้อน กางเกงควรเป็นกางเกงที่สวมสบาย เสื้อผ้าควรแบ่งออกเป็น 2 ชุด คือ ชุดเดินป่า 1 ชุด และชุดนอน 1 ชุด นอกจากนั้นควรมีเสื้อแจ็กเก็ตอีก 1 ตัว และถุงเท้า เพราะในเวลากลางคืนในป่าจะมีอากาศเย็น อืม... และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “รองเท้า” สิ่งสำคัญที่สุด ที่จะทำให้การเดินทางไปท่องเที่ยวป่าในครั้งนี้ของคุณ แฮปปี๊... แฮปปี้

แหม... และในเมื่อรองเท้าถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเริ่มต้นเดินทางอย่างนี้แล้ว เราก็อดไม่ได้ที่จะเอาเคล็ดลับในการเลือกรองเท้าเดินป่าอย่างถูกวิธีมาฝากเพื่อนๆ กัน ว่าแล้วอย่ารอช้าเราไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ

รองเท้าสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 จำพวก ดังนี้นะคะ
1.รองเท้าใส่เดินแบบหุ้มส้นเท้า (Low Cut) สำหรับเดินเที่ยวเวลากลางวัน เหมาะสำหรับใส่เดินแบกสัมภาระเพียงวันเดียว
2.รองเท้าแบบหุ้มข้อเท้า (Approach Shoe) เป็นรองเท้าหุ้มข้อซึ่งเหมาะสำหรับใช้เดินป่า ช่วยให้คุณเดินได้อย่างสะดวก แม้ต้องรับภาระแบกน้ำหนักเยอะๆ ก็ตาม
3.รองเท้าสำหรับเดินนอกเส้นทาง มีส่วนหุ้มถึงหน้าแข้ง เพื่อเป็นการเสริมความแข็งแรง ป้องกันการกระทบกระ เทือนจากพวกกิ่งไม้ใบหญ้าได้เป็นอย่างดี แต่รองเท้าจำพวกนี้จะถอดยากซักหน่อยนะคะ

เอาล่ะ!! หลังจากรู้จักกับพวกรองเท้าเดินป่าต่างๆ นาๆ หลายๆ แบบแล้ว เราก็มาดูที่ “พื้นรองเท้า” กันต่อเลยดีกว่าค่ะ โดยรองเท้าที่มีดอกลึกและแข็ง จะใช้ได้ดีในพื้นที่ที่มีดินอ่อนนุ่ม เฉอะแฉะ ริมตลิ่ง แต่จะใช้ไม่ได้กับพื้นที่แข็งหรือบนก้อนหิน ส่วนรองเท้าที่มีดอกตื้น เรียบและอ่อน ใช้ได้ดีในพื้นที่ที่แข็ง บนก้อนหิน แต่จะใช้ไม่ได้ในพื้นที่ดินนุ่มหรือริมตลิ่ง

ทีนี้เรามาดูวิธีการเลือกรองเท้าให้เหมาะสมกับเท้ากันบ้าง คุณควรเลือกซื้อรองเท้าในตอนบ่าย เพราะเป็นช่วงที่เท้าของเราขยายเต็มที่ ลองใส่รองเท้าโดยไม่ใส่ถุงเท้า เลื่อนเท้าไปข้างหน้าย่อเข่าลงเล็กน้อย เอานิ้วสองนิ้วสอดเข้าไประหว่างหลังของรองเท้ากับหลังเท้าของคุณ ถ้านิ้วลงไปไม่ได้แสดงว่ารองเท้าของคุณเล็กเกินไป หรือคุณอาจจะลองรองเท้าโดยการใส่ถุงเท้าอีกคู่หนึ่งก็ได้ หลังจากนั้นก็ลองเดินรอบๆ ร้านดู ถ้าคุณรู้สึกว่ามีรอยย่นหรือมีความกดดันผิดปกติที่จุดไหน ก็ควรเปลี่ยนเป็นคู่อื่น

555 ในที่สุดก็เลือกรองเท้าคู่ใจที่จะใส่ไปเดินป่าได้แล้ว... !!! เราต้องมาทำความคุ้นเคยกับเจ้ารองเท้าคู่นี้กันหน่อย... คุณควรสวมมันเดินรอบบ้านสัก 4-5 วัน หรือเดินเป็นระยะทางสั้นๆ ในตอนกลางวัน เพื่อให้เท้าของคุณได้รู้จักกับรองเท้าของคุณ ที่สำคัญ ให้ปฏิบัติอย่างนี้ทุกครั้งก่อนการออกทริปนะคะ รับรองว่ามันจะไม่กัดคุณอย่างแน่นอน

สำหรับการดูแลรักษารองเท้าก็แสนจะง๊าย... ง่าย การดูแลรักษาเพียงเล็กน้อยก็อาจช่วยยืดอายุการใช้งานให้รองเท้าของคุณได้นานเท่านาน รองเท้าทุกคู่ควรทำความสะอาดก่อนเก็บ โคลนหรือขี้ดินสามารถจัดการได้ด้วยแปรง แล้วน้ำไปผึ่งลมเพื่อไล่ความชื้นออกจากรองเท้า และนำไปเก็บในที่เย็นและแห้ง จะช่วยรักษารูปทรงของรองเท้า

มาถึงขั้นตอนสุดท้าย คือ การดูแลและรักษาความสะอาดเท้า (ของคุณเอง) การล้างเท้าทุกวันไม่เพียงแต่เป็นสุขอนามัยที่ดีเท่านั้น แต่มันยังทำให้คุณรู้สึกสดชื่นอีกด้วยนะคะ เยี่ยม...!! ในที่สุดก็เตรียมตัวพร้อมแล้ว... ว่าแต่คุณล่ะคะพร้อมหรือยังที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวแบบสบายเท้าในทริปนี้ (ก็เพราะเลือกรองเท้าดีมีคุณภาพเหมาะกับเท้าเราที่สุดแล้วไง มั่นใจ สบายเท้าแน่นอน...อิอิ)

วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เที่ยวป่าปลอดภัย ในหน้าฝน



ถึงฝนจะตกแดดจะออก สำหรับคนชอบเที่ยว เมื่อหัวใจมันร่ำร้องให้ออกเดินทางซะแล้ว คงไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้ แต่จะให้ปลอดภัยก่อนเดินทางต้องตรวจสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยาที่ www.tmd.go.th แล้วจัดเตรียมสัมภาระต่างๆ ให้เหมาะสมกับทริปที่จะไป ที่เหลือคือสิ่งที่ควรทำ เช่น เที่ยวน้ำตก เดินป่า ล่องแก่ง

ก่อนลงเล่นน้ำสำรวจทางขึ้นลงไว้ด้วยเผื่อฉุกเฉิน เกิดน้ำป่าไหลหลากจะได้หนีขึ้นที่สูงได้ทัน และระหว่างเล่นน้ำโปรดสังเกตสัญญาณของน้ำป่า คือระดับน้ำที่เพิ่มขึ้น แรงขึ้น สีของน้ำเปลี่ยนเป็นสีแดงขุ่น หรือน้ำสีขุ่นขึ้น และฟังเสียงที่ดังผิดปกติของสายน้ำ

ปฏิบัติตามกฎระเบียบของสถานที่อย่างเคร่งครัดเช่น ไม่ลงเล่นน้ำในเขตหวงห้าม ในบริเวณวังน้ำวน หรือกระแสน้ำไหลเชี่ยว ไม่ควรปีนป่ายไปตามริมหน้าผาน้ำตก หรือบนพื้นที่อันตราย อาจลื่นพลัดตกลงมาได้

หากจะล่องแก่ง ต้องมีผู้เชี่ยวชาญดูแล และคุณต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำแนะนำ อีกทั้งต้องใส่อุปกรณ์ชูชีพเสมอ

การเดินป่าต้องระวังสัตว์มีพิษต่างๆหากตั้งแคมป์ในป่าไม่ควรอยู่ใกล้ลำธารเกินไป เพราะอาจมีน้ำป่าไหล ควรเลือกทำเลตั้งแคมป์ที่ปลอดภัยจากระดับน้ำ และเลี่ยงบริเวณที่เคยเป็นร่องน้ำ

การเดินป่าเที่ยวน้ำตกควรใส่รองเท้าเดินป่าที่กระชับ พื้นรองเท้าควรเป็นยางชนิดอ่อน และมีดอกยางซึ่งจะเกาะพื้นหินและพื้นดินได้ดีกว่ารองเท้าพื้นแข็ง โดยเฉพาะหน้าฝนที่พื้นที่ป่าจะลื่นมากกว่าปกติ

ไม่ควรอยู่ในชุดเสื้อผ้าที่เปียก หรืออยู่ในน้ำเย็นเป็นเวลานาน อาจจะเป็นตะคริว จมน้ำ หรือเป็นไข้ได้

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

รู้รักษารถ...ในยามฝนพร่ำ

ขับรถหน้าฝน


ย่างเข้าหน้าฝนคนมีรถคงกลุ้มใจกับปัญหามากมายที่อาจตามมา ฉบับนี้ Lisa มีข้อควรรู้ ให้สาวๆ นำไปใช้ดูแลรถในหน้าฝน มาฝากกันค่ะ


1. ตรวจเช็คความพร้อม ของที่ปัดน้ำฝนและยางรีดน้ำว่ายังใช้การได้คืออยู่หรือไม่


2. สำรวจระบบไฟ ทั้งไฟหน้า-ท้าย ไฟเลี้ยว ไฟกะพริบ ไฟถอยหลัง เวลาฝนตกหนักไฟเหล่านี้จะช่วยเราได้


3. หมั่นเติมน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ให้อยู่ในระดับมาตรฐาน หากฝนตกหนักช่วงกลางคืนรถจะใช้กระแสไฟฟ้ามาก แบตเตอรี่อาจจะอ่อนลงได้


4. เติมลมให้พอดีและตรวจยางทั้ง 4 เส้นให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้ หากพบว่าดอกยางสึกมาก ควรเปลี่ยนใหม่ เวลาฝนตกถนนจะลื่นมาก หากยางไม่ดีรถจะไม่ยึดเกาะถนน เตรียมยางอะไหล่ไว้เผื่อฉุกเฉินด้วย


5 . ตรวจสอบระบบเบรกด้วยการเหยียบย้ำๆ ดูว่าเบรกสึกหรือตื้นไปมั้ย และให้เหยียบย้ำๆ มากขึ้นเมื่อขับพ้นสภาพถนนเปียก เป็นการไล่น้ำออกจากเบรกช่วยให้เกิดประสิทธิภาพดีในการใช้งานต่อไป


6. ระวังเครื่องยนต์ดับกะทันหันหากขับเร็วเกินไปในขณะที่ฝนตก เพราะหากขับเร็วเครื่องยนต์จะร้อนจัดเมื่อปะทะกับความเย็นภายนอกเครื่องจะ น๊อก มีผลทำให้กระแสไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งเป็นเหตุให้เครื่องยนต์ดับได้


7. ถ้าเครื่องยนต์ดับให้เปิดฝากกระโปรง แล้วใช้ผ้าแห้งซับเครื่องยนต์ ควรมีสเปรย์ฉีดไล่ความชื้นติดรถไว้ด้วย


8. หากเกิดฝ้าบริเวณกระจกหน้า ให้ใช้ผ้าแห้งเช็ดเป็นระยะๆ เพื่อทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่


9. หากหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ถนนมีน้ำท่วมขังไม่ได้ให้ปิดเครื่องปรับอากาศชั่วคราว เพราะน้ำอาจจะเข้าไปที่พัดลมทำให้เสียได้ และพัดลมหม้อน้ำจะตีเอาน้ำที่เข้ารถเป็นละอองเข้าในห้องเครื่องเป็นสาเหตุให้รถดับได้


10. ถ้าไม่รีบเกินไปนัก ควรหยุดพักรถข้างทางพร้อมเปิดไฟฉุกเฉิน เพื่อความปลอดภัย

วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ขับรถหน้าฝนอย่างปลอดภัย




ฝนตก ถนนลื่น และความประมาท คือสาเหตุหลักของอุบัติเหตุบนท้องถนน ยิ่งถ้าวันไหนฝนตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตาแล้วล่ะก็ ร้อยทั้งร้อยเกิดอุบัติเหตุชัวร์ หากไม่อยากเสียคนที่เรารักหรือคนที่รักเรา รวมทั้งทรัพย์สินที่จะต้องจ่ายให้กับคู่กรณี ลองทำตามคำแนะนำนี้ดู

ไม่ควรขับรถชิดคันหน้ามากจนเกินไป ทิ้งระยะห่างประมาณ 10-15 เมตร เนื่องจากอาจมีการเบรกรถกะทันหัน หรือไม่ก็อาจเป็นละอองน้ำที่ดีดจากรถคันหน้าทำให้ทัศนวิสัยของผู้ที่ขับตามา ไม่ชัดเจน

ชะลอความเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากการขับรถด้วยความเร็วสูง จะทำให้แรงดันของน้ำระหว่างยางกับถนนเพิ่มขึ้น เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะทำให้เกิดการแล่นบนผิวน้ำ โดยน้ำเข้าไปแทรกระหว่างยางกับผิวถนน อาจทำให้รถเกิดการแฉลบได้

ควรเปิดไฟคู่หน้าไว้ตลอดเวลา เนื่องจากเม็ดฝนที่เกาะกระจกทำให้ทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ไม่ชัดเจน การเปิดไฟจึงช่วยได้ในระดับหนึ่ง

หลีกเลี่ยงการเปิดไฟฉุกเฉินเมื่อฝนตกหนัก ให้เปิดเฉพาะไฟต่ำ เนื่องจากเป็นการรบกวนสายตาผู้ขับขี่คันอื่น

ควรตรวจสอบยางรถยนต์เพื่อความปลอดภัย ยางรถยนต์มีผลอย่างมาก หากสูบยางน้อยไปอาจทำให้รถยนต์แฉลบได้ง่าย

ในหน้าฝนควรเพิ่มแรงดันลมให้มากขึ้นจาก เดิมอีก 2-3 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เพื่อให้หน้ายางแข็งและมีกำลังในการรีดน้ำดอกยางและขนาดของหน้ายางยังมีผล ต่อประสิทธิภาพการยึดเกาะในขณะขับรถยนต์ หากใช้ยางดอกละเอียดจะทำให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น

หากฝนตกหนัก สิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่งคือ

1) เมื่อลุยน้ำระดับสูงควรปิดแอร์เพื่อไม่ให้พัดลมไฟฟ้าทำงาน เพราะจะเป็นการตีน้ำให้กระจายเต็มห้องเครื่อง

2) หลังจากขับรถผ่านพ้นจากผิวจราจรที่มีน้ำท่วมแล้ว ควรเหยียบเบรกเพื่อไล่น้ำออกจากเบรก 2-3 ครั้ง การทำงานของระบบเบรกจะกลับสู่สภาพเดิม

3) การจอดรถไม่ควรเข้าเกียร์ค้างไว้ หรือใส่เบรกมือเหมือนยามปกติ เพราะอาจทำให้เกียร์ค้าง หรือเบรกติดได้ ใน กรณีที่จอดรถค้างคืนแล้วตอนเช้าเอารถออกมีเสียงครืดคราดจากเบรกไม่ต้องตกใจ เป็นเรื่องธรรมดา เนื่องจากเบรกติด ซึ่งจะมีเสียงเฉพาะตอนขับรถครั้งแรกเพียงครั้งเดียว ยกเว้นถ้าดังทุกครั้งที่เหยียบเบรกควรไปปรึกษาช่าง

ขับขี่รถด้วยความไม่ประมาท คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่ขับรถ จะช่วยลดอุบัติเหตุ

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สถานที่ท่องเที่ยวรับสุนัขเข้าพักได้




จ.กระบี่
  1. Salatun Resort อยู่ที่แหลมคอกวาง เกาะลันตา
  2. ทับแขก ซันเซ็ท บีชรีสอร์ท 07 5-628-600 / 618-067
  3. พาราไดซ์ รีสอร์ท ; 075-637-650-1
  4. ฟูลมูนเฮ้าส์แอนด์ รีสอร์ท 075-637-735 / 09-4741301
  5. อ่าวนาง เม้าเท่น พาราไดซ์


จ.กาญจนบุรี
  1. ผากล่อมไพร
  2. สยามบุรี รีสอร์ท
  3. โฮม พุ เตย ไปได้ด้วย ราคา promotion ตามงาน 2 คน 1 คืน ( อาหาร 6 มื้อ เครื่อมดื่มเพื่อสุขภาพ Free , มีbar เครื่องดื่ม อยากกินเหล้าเบียร์ เอาไปเองได้ไม่มีชาร์ท ) 2000 บาท วันศุกร์เสาร์ 3000 บาท


จ.ชลบุรี
  1. Mercure :
  • น้องม๋า 200 บาท / ตัว / คืน
  • เป็นแบบตึก มี 3 ประเภท คือ Superior , Delux, Family Room
  • พอดีตอนที่ถาม Sup.เต็มเลยมะได้ถามราคาเลย, Delux อยู่ที่ 2,500 รวมอาหารเช้าFamily 3,300 รวมอาหารเช้า ห้อง Family พักได้ผู้ใหญ่ 2 เด็ก 2 ที่สำคัญมี Play station ด้วย
  • ที่พักไม่ติดทะเลนะคะ แต่เห็นว่ามีรถบริการไปชายหาดคร่า- โทร 038-425-050
2. Sea Sand Sun Resort (แพงอ่ะ)
  • น้องม๋าไม่คิดค่ะ
  • ห้องพักมี 3 แบบ บังกะโล ห่างจากทะเล 50 เมตรราคา 2,730 บาท, สไตล์บาหลี ห่างจากทะเล 50 เมตา ราคา 3,413 บาท แล้วก้อแบบติดทะเล (ห่างแค่ 10 เมตร) ราคา 4,520 บาทคร่า
  • มีเวบด้วย www.seasandsunpty.com
  • โทร 038-435-163
3. Sunset Village : อยู่แถว ๆ ทางเข้าสวนนงนุช
  • น้องม๋าพักได้เฉพาะ Garden View 400 บาท / ตัว / คืน
  • ราคาห้อง Garden View ราคาเต็ม 4,237 บาท แต่ถ้ามีบัตรเครดิตต่างๆ & low season ลดเหลือ 2,966 บาท ค่ะ
  • ที่พักติดทะเล แต่ห้ามน้องหมาไปบริเวณสระว่ายน้ำ & ส่วนของร้านอาหาร
  • โทร 038-837-940, 038-237-979 เว็บไซต์ : http://www.sunsetvillage.co.th
4. Tamarina Resort อยู่ที่อ่างศิลา ชลบุรี ใกล้นิดเดียวค่ะ เพิ่งเปิดไม่นาน
  • อนุญาตเฉพาะตัวเล็ก และไม่นอนบนเตียง ไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มค่ะ
  • http://www.tamarinaresort.com/index.htm
  • อันนี้โทรไปถามมาแล้ว วันธรรดา 1,800 บาท
  • วันศุกร์ - เสาร์ 2,500 บาท
5. แคบเบจแอนด์คอนดอม พัทยา(ของคุณมีชัย วีระไวทยะ)
6. ซีซาร์พาเลซ
  • น้องม๋าไม่คิดคร่า
  • เป็นมี 2 ประเภท คือ Delux 1,530 , Superior 2,000 ไม่รวมอาหารเช้านะคะ
  • ที่พักไม่ติดทะเลนะคะ แต่เดินได้ ประมาณ 200-300 เมตร
  • โทร 0-3842-5724,0-3842-8607
7. บ้านน้ำเมารีสอร์ท
  • ไม่คิดค่าน้องม๋า
  • มี 2 แบบ คือแบบโรงแรม ห้องละ 800 บาท , แบบบังกะโล 900 บาท
  • แต่ที่พักไม่ติดทะเลนะคะ ห่างจากทะเลประมาณ 450 เมตร
  • เขาบอกว่าเป็นเครือเดียวกับ Botany Beach Resort นะคะ ห่างกันนิดเดียว
  • เคยพักที่ botany หาดเป็นหาดส่วนตัว โอเคเลยอ่ะ แต่ไกลตัวเมืองพัทยา ขับรถมาอีกพักนึงเลย
  • www.bannammaoresort.com
  • เบอร์โทร 0-3825-5431, 0-3825-5937
8. โรงแรมDragon ที่พัทยา เคยไปพักที่อยู่เกือบสุดหาดจอมเทียน
  • เป็นโรงแรมประมาณ 3 ดาว ก็โอเคค่ะ
  • เพื่อลูกเราน่ะนะ เค้าก็อนุญาตให้สุนัขเข้าโรงแรมได้ แต่ต้องไม่รบกวนผู้อื่น และก็ต้องตัวไม่โตมากน่ะคะ
9. โรงแรมพัทยาปาร์ค เค้ามีแบบที่เป็นบ้านแยก ที่หมาพักได้
  • Tel. 0-25799612-4, 0-2941-2055-6
  • Tel. 038-251201-8,038-364110-20
10. วันดีเฮ้าส์
  • น้องม๋าคิด 200/ ตัว / คืน
  • ห้องพักมีหลายแบบเลยค่ะ ราคาตั้งแต่ 600 - 1,000
  • อยู่หาดจอมเทียน เป็นแบบตึกๆ ที่อยู่ตรงข้ามชายหาดเลยอ่ะ
  • เบอร์โทร 038-232-863 , 038-232-897
11. ษารีย์ ติดกับ จอมเทียนชาเล่ต์
  • เป็นหมู่บ้านจัดสรร ที่บ้านบางหลัง(หลายหลังเลยแหละ)
  • มาให้เช่า 2 นอน 2 น้ำ เป็นแอร์ มีที่จอดรถ รั้วรอบขอบชิด และ มีครัวด้วย...ชื่อ ษารีย์ 089-7918540
12. แสมสารวิลล่า 038-43 7077 1400-1800 บาท/หลัง
13. หาดตะวันรอน 038-237979-80, 02-247-6700

หมายเหตุ จอมเทียนชาเล่ต์ กะ แนชเชอรัลปาร์ครีสอร์ท ตอนนี้เขาไม่รับน้องหมาแล้วนะคะไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม


จ.ชุมพร
  1. ทรายรีบีชรีสอร์ท โทร.077-558002,077-558170

จ.เชียงราย
  1. ห้วยกุ่มรีสอร์ท เชียงราย www.huaikhum.com
จ.เชียงใหม่
  1. คำม่อนเพลส ในคูเมือง เชียงใหม่ตรงข้าม รพ.สวนดอก และ ติดกับ สวนสาธารณะหนองบวกหาด บรรยากาศดีน๊า
  • 053-278936 ราคาราว 650 ในช่วงธรรมดา ลองโทรไปคุยดูนะจ๊ะ เจ๊เคยไปมาแว้วน๊าตอนปลายปีที่แล้ว
  • แนะนำว่า บอกเขาว่าไม่เอาห้อง 102-103 นะ ใกล้ทางเดินเชื่อมต่อ อาจจะทำให้น้องหมา เห่าได้.....
2. โรงแรม 3b ตรงข้าม เซ็นทรัลแอร์พอร์ต โทร 053-279430, 279485
  • http://www.3bchiangmai.com/index.html
3. โรงแรม เลียม สวนดอกไม้ บูติค รีสอร์ท เชียงใหม่


จ.ตราด
  1. คลองพร้าว แคมป์ (เกาะช้าง) 01-903-8826 มีหลายแบบให้เลือก
  • กระท่อมไม้ไผ่คืนละ 300 บาท
  • ห้องแอร์ 800-900 บาท
2. www.kachapura.com เป็นรีสอร์ทอยู่ที่ lonely beach เกาะช้าง
3. แม็ค รีสอร์ท เกาะช้าง หาดทรายขาว
  • Tel. 01-554-6829 , 06-327-8330 , Fax 039-551-125
  • www.mac-resorthotel.com
4. กัปตันฮุค รีสอร์ต ที่เกาะกูดด้วยค่ะ แต่ไม่รู้เค้าคิดเท่าไหร่นะคะ

5. The Beach Natural Resort เกาะกูด


จ.นครนายก
  1. โรงเรียนนายร้อย จปร.(เฉพาะบ้านพักในกรมทหารราบ)


จ.นครราชสีมา
  1. ที่บ้านชมตะวัน อ.วังน้ำเขียว จังหวัด นครราชสีมา ความจริงถัดจากบ้านผางามไปนิดวิวสวย บ้านหนึ่งหลัง มีสองห้องนอน หนึ่งห้องอาบน้ำ หนึ่งห้องส้วม หนึ่งห้องนั่งเล่นเหมาะกับครอบครัวใหญ่ คืนละ สองพันค่ะ และมีที่ camping สำหรับกางเตนท์ ให้น้องหมา
ไปมาแล้วค่ะ ไปกันหลายคน สนุกทั้งคนทั้งหมา ถูกด้วย แล้วก้อแวะไปเล่นบ้าผางามด้วย ที่นี่สามารถ cooking ได้มีครัวให้ คล้าย home stay
โทร. 0818151796


จ.ประจวบคีรีขันธ์
  1. Jinning Beach Guest House หัวหิน
  2. Kalamona ดี สวย ให้หมาเล็กพักได้
  3. Rachavadee บ้านกรูด http://www.rachavadee.com/ สุนัขคิด 500 บาท
  4. Royal Beach Resort หาดปึกเตียน ถึงก่อนชะอำเล็กน้อย 032- 478119 มีหาดส่วนตัว น้องหมาเล่นน้ำสะดวกมาก รับได้หมด เคยมีชมรมโกลเด้น ไปกันตั้ง 30 ตัว
  5. Swan Resort 032-513-362
  6. Swiss Beach Resort (ปราณบุรี) 01-8245581 คุณสาธิต ตอนแรกก็ถามว่า เป็นสุนัขพันธุ์ไหน พอเราบอกว่าเป็นโกลเด้น ฯ เท่านั้น ยินดีต้อนรับคะ ไม่คิดเงินเพิ่ม
  7. ธารวราบีช บ้านกรูด
  8. นิรันดร์รีสอร์ท ชะอำ 032-471038 ห้องพักใหม่มากๆประมาณ10กว่าห้องเอง เป็นสถานที่ส่วนตัวมากๆ ติดหาดนิดเดียวเอง..ถึงหน้าหาดแล้วเลี้ยวซ้าย ก่อนถึงseven ค่าห้อง 1,200
  9. บ้านกรูดบีช รีสอร์ท ไม่ให้นอนด้วย
  10. บ้านเคียงทะเล ครัวบ้านครู ณ หาดบ้านหัวดอนอ่าวตะเกียบ หัวหิน โทร 032-536-645 / 09-8208918 / 061745766 เจ๊จ๋า อยู่ถัดจากอนันตศิลาไปอีก 2 ซอย แต่ที่พักไม่หรูหรา ติดหาด เป็นบังกาโลเล็กๆ มีเพียง 10 กว่าห้อง เน้นธรรมชาติเรียบง่าย อาหารอร่อย ราคา 800 (พัดลม)-1500 บาท (แอร์) หมาพักได้ไม่มีชาร์จ
  11. บ้านชมทะเล ปราณบุรี
  • "เป็นบ้านแบบต่อเติม ติดหาด ห้องกว้างดีแต่ไม่เห็นวิวทะเล หาได้ในเว็บท่องเที่ยว คืนละ 1300 บาทประจวบคีรีขันธุ์ สวนสนประดิพัทธุ์ (ของทหาร) http://www.sounson.com/ ต้องโทรจองก่อน บังกะโลก็จะอยู่ติดหาดเลยด้วย พาไปได้อยู่แล้ว เจ้าหน้าที่เค้าไม่ว่า จองส่วนที่เป็นบังกะโล ไม่ใช่บ้านพักรับรอง
12. บ้านเนินชะเล 032-511-288
13. บ้านปิ่นโต ชะอำ บ้านเป็นหลังอ่ะจ๊ะ 07-1697853,09-5470650 หลังละ 2500-3500
14. บ้านพักริมหาด (หัวหิน) ก่อนถึงเขาตะเกียบ
15. บ้านลอนทราย ปราณบุรีค่ะ
  • เค้าให้พาน้องหมาไปเที่ยวได้นะคะ เจ้าของเค้าก็มีน้องหมาเหมียนกัน พันธุ์โกลเด้นท์ด้วยตั้ง 2 ตัวแน่ะ
16. บ้านสบายชายทะเล ใกล้อช.สามร้อยยอด ชายทะเลพุน้อย ปราณบุรี
  • โทร.0-9032-7222 8:00-21:00 http://www.bansabaichaitalay.com/ เจ้าของชื่อคุณปอ คุณป๋อม น่ารักอัธยาศัยดี แนะนำที่เที่ยวที่กินได้รายละเอียดเยอะมากๆ เป็นบ้านที่น่ารักมากๆ บรรยากาศดี สถานที่สะอาดน่าพัก อาหารอร่อยมาก ราคามิตรภาพ แต่ไม่ติดทะเล ห่าง 200 ม. มีจักรยานให้ขี่(ฟรี) เรื่องไปริมทะเลเลยใกล้นิดเดียว 990/คืน สุนัขน้ำหนักไม่เกิน 12 กก. 100/ตัว
17. บ้านสันติสุข ใกล้ชายหาดชะอำ พื้นที่กว้างขวาง
18. บ้านอนันตศิลา (เขาตะเกียบ-หัวหิน) สถานที่ดีมาก พัก 2 ท่าน 3,000บาท พัก 4 คน 4,000บาท
  • ส่วนหมา ตัวเล็ก ตัวละ 300 ตัวใหญ่ ตัวละ 500
  • ไม่มีอาหารเช้านะคะ ต้องโทร.จองล่วงหน้าและต้องบอกให้โรงแรมทราบก่อนว่า จะขอเอาสุนัขไปพักด้วย เพราะที่น้องหมาพักได้ มีแค่ 2 ห้อง
Hua Hin
Tel: (032) 511-879, (032) 536-364, 01-212-3616
Fax: (032) 515-914
Bangkok
Tel: 0-2221-1732
19. บิวตี้ บีชรีสอร์ทที่ปราณฯ
  • เค้าให้แต่สุนัขพันธุ์เล็กเข้าค่ะ...ตัวละ 400 บาทค่ะ เคยเอาเด็กๆๆไปพักมาค่ะ
  • http://www.beautybeachresort.com/
20. ปรีบุราณ ปากน้ำปราณบุรี 01-6189217 032-570-101 , 06-3230337
  • เป็นรีสอร์ทเล็กๆครับ พาน้องม๋าไปได้ 1 หลัง พักได้ 4 คน กับ 2 หมา ราคา 2000 บาท http://www.preeburan.com/
21. ระเบียงทะเล ชะอำ โรงพยาบาลกรุณาพิทักษ์
  • Tel : 0-2287-3974-6, 0-2678-3005-12 Ext. 1131(ในเวลาทำงาน) ระเบียงทะเลรีสอร์ท Tel : 0-3247-8445 คุณสัมฤทธิ์ Tel : 0-9837-2084 คุณแหม่ม Tel : 0-9068-5327 http://www.talayresort.com/locate.html ไม่มีเจ้าถิ่น วันจันทร์ - วันพฤหัสบดี 600 บาท วันศุกร์ - วันอาทิตย์ 1,000 บาท วันหยุดเทศกาลและ Long weekend 1,700 บาท บริการอาหารเช้า กาแฟ+ขนมปัง 2 ที่ ทุกหลัง ฟรี
22. รั้วไม้รีสอร์ทประจวบค่ะ 01 8113473
  • ไม่คิดค่าน้องหมาเพิ่ม เราไปตอนตรุษจีนคืนละ 1000 ห้องไม่ใหญ่มากนะคะ มีระเบียงด้านหน้าให้นั่งทานข้าวได้
  • มีแค่ไม่กี่ห้องเองค่ะ ประมาณ 10 ห้องได้ ด้านหน้าที่พักจะเป็นสนามหญ้า เลยออกไปจากสนามหญ้าก็เป็นทะเลแล้วค่ะ
23. โรงแรมแก่นจันทร์ ชะอำ อยู่ติดชายหาดชะอำ
24. โรงแรมชมวิว (ชะอำ)
25. โรงแรมรีเจนท์ 800/คืน + 800/ตัว
26. วนอุทยานปราณบุรี (เลยหัวหิน)
28. ศาลาไทย (บ้านกรูด)
29. สบายา ชะอำใต้ sabaya resort
  • เบอร์โทร 032-470716-7 http://www.sabaya.co.th สวย แต่ลองโทรถามอีกครั้ง ไม่รู้ยังให้เอาไปอยู่หรือเปล่าเพราะทำสปาใหม่ ไม่ได้รับหมาขนาดใหญ่ ค่าห้องคืนละ 1384฿(รู้สึกจะเป็นของคุณฮาร์ท น้องหมาไม่เสียตังค์)
30. สมอร์สปา ตรงตีนเขาตะเกียบ
  • บ้านเป็นหลังรูปเห็ดมีอยู่ 5-6 หลัง หลังใหญ่ 2 หลังมีจากุซซี่ ส่วนตัวด้วย ส่วนบ้านกลุ่ม 4 หลังมีสระน้ำอุ่นรวมตรงกลางสวยมาก สนนราคาช่วง Low season 3000-3500 บาท/คืน
31. สยามการ์เด้นบีช บางสะพาน คุณเปิ้ล 081-4587877
32. สวิส คอตเทต ปราณบุรี
33. สิริมา เกสเฮ้าส์ หัวหิน 032-511-060
  • ติดทะเล แจ้งได้เลยว่าพาหมาไปด้วย เพื่อนๆ ห้องแอร์ 650
34. หาดเพชรรีสอร์ท ชะอำ
35. อัญชนารีสอร์ท สามร้อยยอด เลยไปนิดเดียว สุนัขก็พักได้ค่ะ
  • จะเป็นบ้านหลังอยู่ด้านหลังตึก บอกเค้าว่าเอาเป็นบ้านหลัง ไม่คิดค่าน้องหมา บนตึกจะพักไม่ได้ มีสระน้ำด้วยค่ะ แต่สุนัขเล่นไม่ได้ ขับรถค่อนข้างไกลอยู่
  • http://www.anchana.com/about.htm
36. อ่าวน้อย ซีวิว รีสอร์ท 202/3 หมู่ 2 ตำบลอ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์
  • โทร.087-1725770, 081-4016001, 089-6159012
  • http://www.aownoiseaview.com/ "เป็นหาดส่วนตัว อยู่ระหว่างเขาตาม่องล่ายกับเขาถ้ำคั่นกระได บรรยากาศแบบโรงแรมชายทะเล สงบเงียบ ติดชายหาดบริเวณ อ่าวน้อย ซึ่งมีทิวทัศน์สวยงามทั้งจากทะเลประจวบฯ และเขาสามร้อยยอด" 800-1,500 บาท
37. อ่าวมะนาว
38. อิ่มสุข รีสอร์ท (ปราณบุรี) 032-570-152 , 09-8375122 คุณทิพย์
39. การ์ฟิลด์( ปราณบุรี) 081-943-0241


จ.ปราจีนบุรี
  1. บ้านผางาม (นาดี)


จ.เพชรบุรี
  1. แก่งกระจานคันทรีคลับ
  2. ไวท์ บีช รีสอร์ท http://www.whitebeachresort.com/ สุนัขไม่คิด
  3. สวนเพชร ริเวอร์วิว รีสอร์ท เขื่อนเพชร จ.เพชรบุรี
  4. เจ้าสำราญ บีช รีสอร์ท หาดเจ้าสำราญ จ. เพชรบุรี
  5. โรงแรมรีเจ้นท์ชะอำ บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา หาดชะอำ
  6. จ.เพชรบุรี ยังมีที่พักสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ ชื่อ"Pet Resort"
  • http://www.regent-chaam.com/Petresort/petresort.htm


จ.เพชรบูรณ์
  1. เขาค้อ วัลเลต์
  2. เขาค้อทะเลภู http://www.khaokhonaturalfarm.com
  3. เขาค้อโกลเด้นท์รีสอร์ท 08-5052-2326, 08-9989-7639, 08-1457-1013


จ.ภูเก็ต
  1. พันวาเกสเฮ้าส์ 076-200-951
  2. Patong Inn Hotel 128 Taveewonf Road, Patong, Katoo, Phuket 076-340-587 ราคา 1,800 บาท
  3. เอสแลนด์ 038-653418 700/คืน


จ.ระยอง
  1. เอสแลนด์ (สวนสน) 038-653418 บ้านติดแอร์หลังละ 700 บาท
  2. brook side valley (บรู๊คไซด์วิลล่า) 038-629282, 038-629-050 คิดค่าสุนัขตัวละ 300 บาท
  3. Villa Bali Resort (หาดแม่พิม) 038-638080 www.villa-bali.net แหลมแม่พิมพ์จ.ระยองกับเกาะทะลุ จ.ระยองคืนละ 1200 บาทเป็นเตียง 4 เสาพร้อมสระว่ายน้ำขนาดกะทัดรัด
  4. ลมทะเลชาเล่ย์
  5. บาหลีรีสอร์ท (แกลง)
  6. รุ่งนภา ลอร์ด 01-9287287 , 09-6699636
  7. บ้านชื่นวารินทร์ 038-638022 , 038-638405
  8. บ้านสบ๊าย สบาย (หมาเล็ก) 60/16 ถ.หาดแม่รำพึง โทร. 0 3865 5435, 0 3889 9811-5, 0 1982 3163 โทรสาร 0 3865 5435 จำนวน 30 ห้อง ราคา 5,000 - 6,300 บาท เว็บไซต์ : http://www.sabaihome.com
  9. วังทอง รีสอร์ท
  10. lima coco อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด
  11. สำหรับที่เกาะเสม็ด มีบังกาโลของลุงหวัง ลองดูรูปตามลิงค์นี้นะคะ http://www.bloggang.com/viewdiary.ph...group=2&blog=1 โทร.038-651661 และ 038-651498 โทรคุยกับคุณติ๊กเจ้าของนะคะ
  12. บ้านคุณหมู 038-6307 47
  13. บ้านปูลม 01-8217200
  14. บ้านทะเลคราม 01-8337688


จ.ราชบุรี
  1. ภูโวทัย (สวนผึ้ง)


จ.สระบุรี
  1. ศุภาลัยป่าสัก รีสอร์ท


จ.สุราษฎร์ธานี
  1. seaside bungalow (หาดเฉวง-เกาะสมุย) 077-422-364-5
  2. ฟูลมูนเฮ้าส์แอนด์รีสอร์ท (อ่าวนาง) 075-637-735, 09-474-1301
  3. พาราไดซ์ รีสอร์ท 075-637-650-1
  4. ทับแขก ซันเซ็ท บีช รีสอร์ท 075-628-600, 075-618-067

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

พื้นฐานการปีนผา



สำหรับ ผู้ที่รักการเสี่ยง ชอบอะไรที่ตื่นเต้น ท้าทาย แล้วก็ไม่กลัวความสูง และไม่เป็นโรคหัวใจ กิจกรรมการปีนหน้าผา เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ซึ่งถือว่าเป็นการท่องเที่ยว ที่เข้าไปสัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด โดยไม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม ไม่ก่อมลภาวะหรือความเสียหายแก่ สถานที่ใด ๆ ทั้งสิ้น

นอกจากความเพลิดเพลิน แล้ว การปีนหน้าผายังเป็นกีฬาอย่างหนึ่งด้วย เพราะร่างกายได้เคลื่อนไหวและออกแรงใน การพยายามที่จะไปให้ถึงจุดสูงสุดที่ตั้งใจเอาไว้ แต่การปีนหน้าผาใช่แต่จะใช้กำลังและความคล่องตัวเพียงเท่านั้น ยังรวม ถึงการมีสมาธิและความมั่นคงในการที่จะผ่านชะง่อนหินและด่านต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นโดยธรรมชาติ นอกจากนั้นการตัดสิน ใจที่รอบคอบ ประสบการณ์และความชำนาญก็มีส่วนสำคัญ เพราะการผิดพลาดบางครั้งอาจจะเกิดอาการบาดเจ็บและเป็นอันตราย

การปีนหน้าผานั้นอาจจะดู คล้ายการปีนเขาก็จริง แต่มีอันตรายน้อยกว่ามาก โดยบริษัทนำเที่ยวจะมีการทำเครื่องหมาย หรือเครื่องยึด ทำให้สะดวกและง่ายต่อการปีน มีผู้ควบคุมเชือก หรือบีเลเยอร์ (Belayer) ช่วยดึงและแนะนำการปีนอยู่ที่ พื้นด้านล่าง และจะมีการฝึกสอนให้รู้จักเทคนิค อุปกรณ์ และทดลองปีนกับหน้าผาจำลองก่อน

ในระยะแรก ๆ กลุ่มนักปีนหน้าผาส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวใน ประเทศไทย โดยเฉพาะ ที่กระบี่ได้รับการกล่าวขานถึงความสวยงามของสถานที่และความซับซ้อนของหน้าผา ในขณะที่คนไทยยังมองว่าการปีน หน้าผาเป็นกิจกรรมที่อันตราย แต่ในปัจจุบันหลังจากที่กระแสการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ได้รับความสนใจจาก นักท่องเที่ยว ชาวไทย ก็มีการแสวงหาการท่องเที่ยวแบบใหม่ ๆ ที่เน้นการผจญภัย และความตื่นเต้น เช่น การล่องแก่ง ดำน้ำ ขี่จักรยาน เสือภูเขา และกิจกรรมการปีนหน้าผา ทำให้ปริมาณผู้สนใจ และบริษัทนำเที่ยวที่จัดกิจกรรมในลักษณะนี้เพิ่มมากขึ้น

อุปกรณ์พื้นฐานสำหรับการปีนหน้าผาเบื้องต้น
อุปกรณ์พื้นฐานสำหรับการปีนผาเบื้องต้นแบบ Top Roping มีดังนี้
  • ฮาร์เนส (Harness) หรือสายรัดสะโพก ลักษณะเป็นห่วงส่วนเอวและส่วนขา ซึ่งถูกโยงไว้ด้วยกันโดยสายในล่อนทั้ง ด้านหน้าและด้านหลัง สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 2 ตัน
  • คาราไบเนอร์ (Carabiner) เป็นห่วงเหล็กหรืออะลูมิเนียม อัลลอย (อย่างหลังนิยมกว่าเพราะน้ำหนักน้อยกว่า) สามารถ รับแรงดึงได้ 2 ตัน หลายรูปร่างและขนาด ขึ้นอยู่กับการใช้งาน มี 2 ประเภทหลักคือ แบบมีตัวล็อก (Screwgate Carabiner) และแบบไม่มีตัวล็อก (Snap Carabiner) สำหรับตัวที่ใช้เกี่ยวกับห่วงฮาร์เนสทุกตัวต้องมีตัวล็อกเสมอ
  • ควิกดรอว์ (Quickdraw) คือสายไนลอนสั้น ๆ ซึ่งมีคาราไบเนอร์เกี่ยวอยู่ตรงปลายทั้ง 2 ข้าง ใช้สำหรับเกี่ยวกับหมุด ตามหน้าผา ป้องกันการตกจากที่สูงทีเดียวถึงพื้น
  • อุปกรณ์บีเลย์ (Belay Device) ใช้ สำหรับผ่อนเชือกให้นักปีนผาและควบคุมความเร็วในการโรยตัว มีชื่อเรียกแตก ต่างกันไปตามรุ่นที่ผลิต เช่น Grigri, Figure of Eight, ATC
  • รองเท้าปีนผา จะมีพื้นเรียบ ไม่มีดอกยาง หัวรองเท้าแคบเพื่อให้สอดเท้าเข้าไปบนช่องหินได้สะดวก เมื่อสวมแล้วต้อง รู้สึกว่าคับแน่นจึงจะเหมาะกับการปีนหน้าผา
  • แมกนีเซียม คาร์บอเนต หรือ ผงชอล์ก เป็นผงคล้ายแป้ง ใส่ถุงผ้า ห้อยไว้ด้านหลังของนักปีนผา ใช้สำหรับลดความชื้น ที่มือเพื่อความถนัดในการเกาะเกี่ยว
  • เชือกสำหรับปีนผา (Kernmantle) เป็นเชือกลักษณะพิเศษ คือ มีความเหนียว ไม่ยืดง่าย สามารถรับแรงดึงได้ถึง 2 ตัน เชือกเส้นหนึ่งประกอบด้วยเชือกเส้นเล็ก 2 เส้นควั่นกันอยู่ชั้นในสุดและพันด้วยไนลอน ความยาวมาตรฐานของเชือกคือ 45 เมตร 50 เมตร และ 60 เมตร

การฝึกปีนผาเบื้องต้น
ตัวอย่างหนึ่งของการฝึกปีนหน้าผา ของชมรมปีนหน้าผากรุงเทพฯ ซึ่งเปิดเป็นโรงเรียนสอนปีนหน้าผา ทำการฝึกโดย เริ่มจากการเรียนรู้ถึงอุปกรณ์ การใช้ ระบบการทำงานและเทคนิคในการปีน

ในการฝึกขั้นต้นหลังจาก การแนะนำอุปกรณ์แล้ว จะเป็นการฝึกการปีนแบบ Bouldering ซึ่งเป็นการปีนโดยใช้เพียง รองเท้าและผงแมกนีเซียม คาร์บอเนตกันลื่นเท่านั้น ในการฝึกปีนหน้าผานั้น มีหลักอยู่ว่าการปีนหน้าผาที่ดี คือต้องเคลื่อน ไหวโดยให้ร่างกายอยู่ในลักษณะสมดุลกัน ลักษณะการปีนของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ผู้ปีนจะต้องสังเกตว่าการเคลื่อน ไหวแบบไหนที่ตนเองถนัดและสามารถเคลื่อนต่อไปได้โดยไม่ต้องเสียแรงมากเกินไป การปีนต้องอาศัยความมั่นคงของมือ และเท้าในการเกาะและเหยียบ

หลังจากการฝึก Bouldering ก็เป็นการฝึกผูกเงื่อนเชือกปีนผา (Kernmanle) ซึ่งมีความเหนียวแข็งแรง สามารถ รับแรงดึงได้ถึง 2 ตัน บิดให้เป็นห่วง หมุนเกลียว 2 ครั้ง ใช้ปลายเชือกด้านหนึ่งสอดเข้าไปในห่วง แล้วย้อนกลับมาพันขึ้น พันลงตามแนวเดิมของเชือก ซึ่งเป็นการผูกแบบเงื่อนเลขแปด การผูกเชือกนี้สำคัญมากสำหรับนักปีนผา เพราะจะใช้ผูกกับ ห่วงฮาร์เนสเพื่อดึงตัวนักปีนผาไว้กรณีที่ตกลงมา

การปีนผาเบื้องต้นมักจะ เริ่มจากการปีนแบบ Top Roping คือมีผู้ปีนนำ (Leader) นำเชือกขึ้นไปสอดผ่าน แองเคอร์ (Anchor) ซึ่งอยู่ตรงจุดปลายทางของการปีน ดึงเชือกลงมายังพื้นให้ปลายด้านหนึ่งยาวพอที่ผู้ปีนสามารถ ผูกเงื่อนเลขแปดไว้กับฮาร์เนสของตัวเอง ส่วนปลายเชือกอีกด้านหนึ่งนั้น บีเลเยอร์จะร้อยผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า บีเลย์ (Belay Device) แล้วคล้องอุปกรณ์บีเลย์ไว้กับห่วงฮาร์เนสของตัวเอง

อุปกรณ์บีเลย์มีอยู่หลาย แบบ ทั้งบีเลย์ เพลต (Belay Plate) รูปร่างแบน มีรู 2 รู คล้ายกระดุมอะลูมิเนียมเม็ดใหญ่ ฟิกเกอร์ ออฟ เอท (Figure of Eight) เป็นอะลูมิเนียมรูปร่างลักษณะคล้ายเลขแปดอาระบิก ห่วงบนและห่วงล่างมีขนาด ไม่เท่ากัน อุปกรณ์อีกตัวคือ ATC ลักษณะคล้ายตะกร้าใบเล็ก เป็นชนิดหนึ่งของบีเลย์ บางครั้งอาจจะใช้กรีกรี (Grigri) ซึ่งมีคันโยกสำหรับผ่อนเชือกและมีตัวล็อกอัตโนมัติช่วยผ่อนแรงได้ด้วย

สำหรับการฝึกเบื้องต้น ของชมรมปีนเขา จะใช้เวลาในการฝึกที่ชมรมเป็นเวลาประมาณ 2 อาทิตย์ จึงจะมีการเดินทางไป ยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ

ข้อมูลเพิ่มเติม
นักท่องเที่ยวและผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูล และรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากชมรม และบริษัทนำเที่ยวที่จัดกิจกรรม ปีนหน้าผา และการโรยตัวจากหน้าผาได้ หรือสามารถหาอ่านข้อมูลได้จาก “คู่มือแนะนำเส้นทางปีหน้าผาในเมืองไทย” โดยสมพร สืบเหตุ

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552

การเตรียมตัวไปล่องแก่ง


ก่อนจะไปล่องแก่งควรเตรียมตัวสำหรับการเดินทางให้เหมาะสมเพื่อให้ได้รับความสนุกสนาน ความปลอดภัย โดยไม่ส่งผลกระทบกับธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ดังต่อไปนี้

Photobucket

1. พื้นที่ที่จะเดินทางไปส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตป่าต้นน้ำที่ธรรมชาติมีความเปราะ บาง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะ ต้องติดต่อขออนุญาตเดินทางเข้าไปในพื้นที่ต่าง ๆ ให้ถูกต้อง เช่น การขออนุญาตต่อกรมป่าไม้ หน่วย งานที่ดูแลพื้นที่เหล่านั้นด้วย

2. การล่องแก่งเป็นกิจกรรมประเภทท่องเที่ยวธรรมชาติกึ่งการผจญภัย จำเป็นที่จะต้องใช้ความระมัด ระวังอย่างยิ่งในการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ โดยเลือกใช้บริการที่มีการจดทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวแล้วเรียบร้อย และตรวจสอบรายการท่องเที่ยว และข้อตกลงต่าง ๆ ให้เรียบร้อย เช่น การประกันภัย เครื่องมือ อุปกรณ์ที่มีการให้บริการ

3. การเตรียมตัวท่องเที่ยวทางน้ำ ควรเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสม เช่น กางเกงขาสั้น และเสื้อผ้า ควรใช้ผ้าที่ แห้งง่าย รองเท้าแตะที่มีสายรัดจะดีมาก เพราะต้องเตรียมพร้อมที่จะเปียกน้ำ และขึ้นไปเดินบนฝั่ง หากมีการเดินป่าระยะทางไกล ก็จำเป็นต้องนำรองเท้าผ้าใบไปอีกคู่หนึ่ง ในช่วงฤดูหนาวควรมีเสื้อแจ๊กเกต ผ้ากันลมไว้ใส่กันหนาวช่วงที่ล่องแก่งด้วย

4. เสื้อผ้า อุปกรณ์สำหรับแค้มปิ้ง และกล้องถ่ายภาพ และของใช้ต่าง ๆ ควรใส่ถุงพลาสติก หรือถุงกันเปียก ให้เรียบร้อย การเตรียมสัมภาระต่าง ๆนำไปเฉพาะที่จำเป็นจริงๆ เพราะพื้นที่ขนสัมภาระจำกัด

5. ในการล่องแก่งควรศึกษาข้อปฏิบัติการพายเรือ พยายามมีส่วนร่วมในการเดินทางอย่างดี ควรปฏิบัติตัว ตามคำแนะนำของกัปตันเรือ และมัคคุเทศก์

6. หากมีการรับประทานอาหาร หรือไปประกอบอาหารในป่า ควรเลือกรายการอาหารที่สะดวกง่าย และ หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องกระป๋อง ภาชนะประเภทกล่องโฟม ขวดน้ำ พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียว เพื่อลดขยะ และมลพิษ ทุกครั้งที่เก็บแค้มป์ ควรดูแลความสะอาด พยายามให้พื้นที่กลับสู่สภาพเดิมให้มากที่สุด

วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เบอร์โทรศัพท์ที่สำคัญ




สอบถามข้อมูลการเดินทาง
สอบถามข้อมูลท่องเที่ยว 1672
แจ้งเหตุ ตอบปัญหาทางหลวง ตำรวจทางหลวง 1193
ข้อมูลทางหลวง กรมทางหลวง 1586
สายตรง กระทรางคมนาีคม 1123
ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม กระทรวงคมนาคม 1356
02-280-8000
ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสาร รถสาธารณะ กรมการขนส่งทางบก 1584
การรถไฟแห่งประเทศไทย 1690
ศูนย์ควบคุมการจราจร 197
สอบถามข้อมูล ข่าวสารการจารจร 1644
กรมอุตุนิยมวิทยา 1182
ศูนย์บริการข่าวอากาศ 0-2399-4012-3
บริการสำรองที่นั่งเครื่องบิน บริษัท การบินไทย 1560
ศูนย์ุคุ้มครอง ผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584
Hotel Hotline 1552
ข้อมูลการเดินทาง (กทม.-ปริมณฑล)
รับแจ้งเหตุการจราจร สพว91 1644
จส. 100 1137
ข้อมูลทางด่วน การทางพิเศษ แห่งประเทศไทย 1543
อคงการ์ขนส่ง มวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) 184
รถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) 0-2617-6000
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว บีทีเอส (BTS) 0-2617-7340
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน แห่งประเทศไทย (รถใต้ดิน รฟม.) 0-2246-5733
0-2246-5744


บริการแท็กซี่ (Taxi)
Taxi-Radio ศูนย์บริการแท็กซี่มิเตอร์ (บจก.ยูคอม) 1681
บริษัท วี.เอ็ม.เอส. คอมมิวนิเคชั่นจำกัด 1545
สหกรณ์แท็กซี่สยาม 1661
สหกรณ์เจริญเมืองแท็กซี่ 0-2215-1584
สหกรณ์แท็กซี่กรุงเทพ 0-2880-0888


แจ้งเหตุด่วน เหตุร้าย 191, 123
ตำรวจท่องเที่ยว 1155
ตำรวจทางหลวง 1193
ศูนย์ควบคุมการจราจร 1197
เหตุฉุกเฉิน อาชญษกรรม กองปราบปราม 1195
ศูนย์ส่งกลับ และ รถพยาบาล โรงพยาบาลตำรวจ 1691
0-2255-1133-6
สายด่วนอาญชญากรรม จังหวัดชายแดนภาคใต้ 1340
ศูนย์รับแจ้งข่าวยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1688
คูนย์แจ้งอุบัติภัย กองทัพเรือ 1696
แจ้งเหตุทางน้ำ กองบัญชาการตำรวจ 1196
แจ้งเหตุเพลิงไหม้ ศูนย์ดับเพลิงศรีอยุธยา 199


Bug Live 1113
สอบถามหมายเลขโทรศัพท์ ในเขตนครหลวง 1133
สอบถามหมายเลขโทรศัพท์ ในส่วนภูมิภาค 183
องค์การโทรศัพท์ แห่งประเทศไทย (ทศท.) 1100
การสื่อสารแห่งประเทศไทย 1322
0-2614-1000



สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ทคอลเซ็นเตอร์ 0-2132-1888
- ผู้โดยสารขาออก 0-2132-9324
- ผู้โดยสารขาเข้า 0-2132-9328
- เจ้าหน้าที่ประสานงาน ท่าอากาศยาน 0-2132-4101
ท่าอากาศยานดอนเมือง
- ผู้โดยสารขาออก 0-2535-1192
- โดยสารขาเข้า 0-2535-1253
ท่าอากาศยานเชียงใหม่ 0-5327-0222-33
0-5320-3300-19
ท่าอากาศยานเชียงราย 0-5379-3048-57
ท่าอากาศยานหาดใหญ่ 0-7425-1007-12
ท่าอากาศยานภูเก็ต 0-7632-7230-7
สอบถามทั่วไป (เฉพาะการบินไทย) 0-2535-111
สำรองที่นั่งการบินไทย 1560
ข้อมูลและข่าวสาร การบินไทย 1566
บางกอกแอร์เวย์ Banhkok Airways 0-2265-555
นกแอร์ (Nok Air) 1318
0-2900-9955
วัน ทู โก แอร์ไลน์ กรุงเทพฯ : 1126
ต่างจังหวัด : 1141 ต่อ 1126
ไทยสกาย แอร์ไลน์ 0-2694-1400
ภูเก็ตแอร์ไลน์ (Phuket Airline) 0-2679-8999
แอร์เอเชีย (Air Asia) 0-2515-9999
พีบีแอร์ (PBair) 0-2263-0606


แจ้งเรื่องราว ร้องทุกข์ บริษัทขนส่ง จำกัด 1508
0-2936-2852-66
ตารางเดินรถ บขส. ภาคกลาง 0-2537-8055
ตารางเดินรถ บขส. ภาคเหนือ 0-2936-3670
ตารางเดินรถ บขส. ภาคอีสาน 0-2936-0657
ตารางเดินรถ บขส. ภาคตะวันออก 0-2391-6846
ตารางเดินรถ บขส. ภาคใต้ 0-2391-6846

สัตว์ทะเลที่อาจะมีอันตราย

สัตว์ทะเลที่อาจะมีอันตราย
อนึ่ง สรรพชีวิตทั้งหลายในทะเล มิได้ต้องการจู่โจมทำร้ายมนุษย์ อันตรายที่เกิดขึ้นเกือบทั้งหมดเป็นเพราะพวกเขาป้องกันตัว มีน้อยมากที่ทำร้ายเราเพราะต้องการอาหาร และในจำนวนนั้นทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิด สิ่งมีชีวิตหลายแสนชนิดของท้องทะเล ไม่มีชนิดใดที่ล่ามนุษย์เป็นอาหารโดยตรง
คนที่ทำร้ายสัตว์ทะเลก่อน เพราะกลัวเขาจะมาทำร้ายเรา คนพวกนั้นมักได้รับอันตรายจากสัตว์ทะเล
สัตว์ทะเลมีพิษ
ปลา
ปลาหลายชนิดมีพิษอยู่ที่เงี่ยง พิษเหล่านี้ใช้เพื่อป้องกันตัวเท่านั้น เช่น ปลากระเบน ปลาหิน ปลาสิงโต ปลาดุกทะเล ปลาสลิดทะเล ฯลฯ โอกาสที่เราจะโดนพวกเขาทำร้ายมีน้อยมาก ทุกกรณีเกิดจากเราไปทำร้ายเขาก่อน ตัวอย่างต่อไปนี้คือเหตุการณ์ที่เคยเกิดมาแล้ว
  • นักท่องเที่ยวไปเดินในน้ำตื้นแล้วเหยียบปลากระเบน
  • นักท่องเที่ยวไปจับปลาดุกทะเลหรือสลิดทะเลที่ตายแล้ว แต่เงี่ยงยังมีพิษอยู่
  • นักดำน้ำไปจับหรือโดนปลาหินหรือปลาสิงโตเพราะไม่ระวังตัว
  • นักดำน้ำไปขี่หรือเกาะปลากระเบน บางตัวใหญ่มาก เงี่ยงอาจทะลุตัวเหมือนโดนแทงได้
อาการ
เมื่อโดนจะปวดแผลฉับพลัน อาจตกใจหรือเกิดตะคริวจนจมน้ำได้
รักษา
ดึงเงี่ยงที่อาจหักค้างอยู่ออกจากแผล ใช้ของร้อนประคบ เช่น น้ำอุ่น ที่เป่าผม หินเผาไฟ ดูอาการว่าถ้ารุนแรงให้นำผู้ป่วยส่งแพทย์ทันที
งูทะเล
ในทะเลมีงูประมาณ 50 ชนิด พบบ่อยที่สุดใน แนวปะการังเมืองไทย คืองูทะเลปล้องดำ มีพิษ ร้ายแรง แต่โดยธรรมชาติงูทะเลจะไม่ทำร้าย มนุษย์ โดนเจตนา (ยกเว้นในช่วงผสมพันธุ์และ เป็นเพียงบางครั้ง) ตามปรกติงูทะเลจะไม่สนใจ เราเลย เขาจะว่ายน้ำหาอาหารโดยมุดหัวไปตาม ซอกแล้วใช้จมูกดมเพื่อกินไข่ปลาหรือกุ้ง บางครั้งเขาอาจเข้าใกล้เรามาก ไม่จำเป็นต้อง ตกใจจนว่ายหนีฉุกละหุก เมื่อเจองูทะเลให้ว่าย หนีออกมาช้าๆ
อาการ
พิษงูทะเลเป็น Myotoxic มีผลต่อกล้ามเนื้อ ปัสสาวะมักเปลี่ยนสี
รักษา
ให้ปฐมพยาบาลเหมือนโดนงูกัด แล้วหาแพทย์ทันที อย่างไรก็ตาม ทางทีมงาน TalayThai ไม่เคยได้ยินว่ามีนักท่องเที่ยวหรือนักดำน้ำโดนงูทะเลกัด ทั้งหมดที่ทราบคือชาวประมงที่หา ปลาในป่าชายเลน
เม่นดอกไม้ทะเล
เม่นดอกไม้และเม่นข่นสั้นบางชนิด พบตามพื้น ทรายนอกแนวปะการัง มีพิษร้ายแรงอย่าจับ โดยเด็ดขาด แต่หากโดดให้พบแพทย์โดยด่วน
ดาวหนาม
ดาวหนามเป็นสัตว์กินปะการัง พบได้ทั่วไป หนามตามตัวแข็งแรงและแหลมมาก หากโดนเข้าไป จะรู้สึกแปลบ แผลจะหายยากมาก บางครั้ง 6 เดือนแล้วยังไม่หาย (โดนมาแล้ว)
หมึกทะเล
หมึกทะเลเป็นสัตว์กลุ่มหอย ทุกชนิดสามารถกัดเราด้วยฟันคล้ายปากนกแก้ว บางชนิดมีพิษ เช่น หมึกกระดอง แต่ส่วนใหญ่พิษมักไม่มีผลต่อมนุษย์ ยกเว้นหมึกสายวงฟ้า มีพิษร้ายแรงมากจน ถึงตาย แต่เท่าที่ทราบ ไม่มีรายงานหมึกสายกลุ่มนี้ในเมืองไทย
หอยเต้าปูน
หนึ่งในสัตว์มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก (ใช้ยิง ไดโนเสาร์ในเรื่อง The Lost World) ฟันหอยเปลี่ยนรูปเป็นฉมวก เมื่อหอยเจอเหยื่อ หรือป้องกันตัว จะยื่นงวงออกมาก่อนยิงฉมวกใส่ หลายชนิดมีพิษถึงตาย เช่น หอยเต้าปูนลาย แผนที่ การหลีกเลี่ยงทำได้ง่ายมาก คือ ไม่พยายามไปจับหอยเหล่านั้น หรือเก็บหอยมา ไว้ในกระเป๋าเพื่อเอากลับบ้าน เป็นของที่ระลึก
แมงกะพรุน
พิษเกิดจากเข็มพิษ เรียกว่า Nematocyst (นีมา โตซิส) ความรุนแรงของพิษต่างกันออกไป ตามแต่ละชนิดและขนาดตัว พิษเหล่านี้อยู่ที่ หนวดและยังมีพิษอยู่ แม้แมงกะพรุนตายแล้ว หนวดบางเส้นยาวแต่ใส ทำให้พวกเรา มองไม่เห็น วิธีการว่ายหลบแมงกะพรุนจึงควร หลบทางหัว อย่าหลบทางหนวดเด็ดขาด แมงกะพรุนบางชนิดมีพิษรุนแรงถึงตาย เช่น แตนทะเล แต่มีอยู่น้อยมากไม่ค่อยพบในน่านน้ำ ไทย
ปะการัง ดอกไม้ทะเล ไฮดรอยด์
มีเข็มพิษที่หนวด เช่นเดียวกับแมงกะพรุน
อาการ
เป็นผื่นแดง คันมาก บางชนิดมีพิษแรงอาจถึงขั้นแผลไหม้
รักษา
อย่าใช้น้ำราดแผลเพราะจะทำให้เข็มพิษยิงต่อไป ให้หยิบหนวดที่อาจติดอยู่ที่ไป (คนหยิบต้อง ใส่ถุงมือด้วยนะครับ) ใช้น้ำส้มสายชูจำนวนมากราดแผล ฤทธิ์ของน้ำส้มสายชูจะหยุด การทำงานของเข็มพิษ หากเป็นมากให้ส่งแพทย์โดยด่วน
สัตว์อื่นๆ
มีสัตว์หลายชนิดที่มีพิษ เช่น บุ้งทะเล ปะการังไฟ ฟองน้ำไฟ แต่เราสามารถหลีกเลี่ยงพิษเหล่านั้นได้ ถ้าเราระวังตัวอยู่เสมอ ข้อแนะนำที่ได้ผลดีที่สุดคือ "อย่าจับสัตว์ทะเลทุกชนิด ไม่ว่าคุณจะรู้จัก คิดว่ารู้จัก หรือไม่รู้จัก" เราจะไม่ทำร้ายสัตว์ทะเลและไม่ทำร้ายตัวเราเอง
สัตว์ทะเลที่อาจมีอันตราย
ฉลาม
สัตว์ชอบงับมนุษย์ในตามสายตาของคนทั่วไป แต่เป็นปลาที่สง่างามและยิ่งใหญ่ที่สุด ของท้องทะเลในสายตาบางคน สำหรับเรา หลายสิบครั้งที่เจอ เราไม่เคยว่ายหนีฉลาม เพราะทราบกันดีว่าเขาไม่ไม่ใช่สัตว์ดุร้าย ฉลามบางชนิดอาจเป็นอันตราย เช่น ฉลามเสือ แต่หลายชนิดไม่ได้เป็นเช่นนั้น เช่น ฉลามครีบงิน ฉลามหัวค้อน มีรายงานว่าจู่โจมมนุษย์น้อยยิ่งกว่าน้อย ส่วนใหญ่เป็นคำร่ำลือในทางที่ผิดมากกว่า
ไม่มีรายงานว่าฉลามจู่โจมมนุษย์ในเมืองไทย มากกว่า 30 ปีแล้ว แต่ถ้าคุณเจอฉลาม จงใช้ความระมัดระวังทุกครั้ง อย่าประมาท อาจค่อยๆ ว่ายน้ำหนีห่างออกมา แต่ไม่จำเป็นต้องตกใจ โอกาสฉลามกินคนในเมืองไทย น้อยกว่าโอกาสที่รถจะวิ่งเข้าไปชนคุณถึงเตียงนอนในบ้านเสียอีก
ปลาสาก
รูปร่างที่น่ากลัว ทำให้หลายคนกลัวปลาสาก แต่ความเป็นจริงแล้วเราไม่เคยได้ยินว่า ปลาสากจู่โจมมนุษย์ในเมืองไทย แม้แต่ใน เมืองนอกก็น้อยเต็มที ปรกติปลาสากจะรวม ฝูงเพื่อพักผ่อน ในตอนกลางวัน บางครั้งอาจ ว่ายมาดูเราจนใกล้หรือ ติดตามเราตลอด การดำน้ำ ถือเป็นเรื่องปรกติ ในตอนกลางคืน ปลาสากจะล่าเหยื่อ คุณที่ไป Night Dive อาจเห็นปลาสากพุ่งเข้าใส่ แต่ไม่ต้องกลัว เพียงหลบออกจากบริเวณนั้น หรือดับไฟ หลอกล่อปลาสากจะหนีไปในที่สุด
อาการ
เป็นผื่นแดง คันมาก บางชนิดมีพิษแรงอาจถึงขั้นแผลไหม้
รักษา
อย่าใช้น้ำราดแผลเพราะจะทำให้เข็มพิษยิงต่อไป ให้หยิบหนวดที่อาจติดอยู่ที่ไป (คนหยิบต้อง ใส่ถุงมือด้วยนะครับ) ใช้น้ำส้มสายชูจำนวนมากราดแผล ฤทธิ์ของน้ำส้มสายชูจะหยุด การทำงานของเข็มพิษ หากเป็นมากให้ส่งแพทย์โดยด่วน
ปลาไหลมอเรย์
แม้รูปร่างจะน่ากลัว แต่ปลากลุ่มนี้ไม่ดุร้าย โอกาสที่เราจะโดนกัด มักเป็นช่วงผสมพันธุ์ หรือเขาอยู่ในโพรง เรามองไม่เห็นไปจักข้างโพรง จึงโดนกัด
อาการ
เป็นผื่นแดง คันมาก บางชนิดมีพิษแรงอาจถึงขั้นแผลไหม้
รักษา
อย่าใช้น้ำราดแผลเพราะจะทำให้เข็มพิษยิงต่อไป ให้หยิบหนวดที่อาจติดอยู่ที่ไป (คนหยิบต้อง ใส่ถุงมือด้วยนะครับ) ใช้น้ำส้มสายชูจำนวนมากราดแผล ฤทธิ์ของน้ำส้มสายชูจะหยุด การทำงานของเข็มพิษ หากเป็นมากให้ส่งแพทย์โดยด่วน
เม่นทะเล
เม่นดำหนามยาวเป็นสัตว์ที่ทุกคนรู้จักดี หลายคนเคยโดนหนามเม่นทิ่มมาก่อน วิธีแก้ไข ไม่ยาก ใช้ขวดนวดแผลไปมา หนามข้างในจะ แตกและหายไปในเวลา 24 ชั่วโมง อย่าบ่ง หรือทุบแผลรุนแรง อาจอักเสบ ให้กินยาแก้ ปวดช่วย การป้องกันให้ระวังตัวเสมอ โดย เฉพาะนักดำน้ำแบบ Snorkelling อย่ายืนบน ก้อนปะการัง อย่าเข้าไปในบริเวณที่ตื้นมาก โดยเฉพาะในช่วงที่มีคลื่นลม คลื่นอาจซัด เราไปโดนเม่นทะเลได้
สัตว์อื่น
มีสัตว์อีกหลายชนิดที่อาจเป็นอันตราย เช่น กั้งตั๊กแตน ปลาปักเป้า เพรียง หอยนางรม ฯลฯ แต่ทุกอย่างมีทางป้องกันโดยไม่ประมาท สำหรับแผลที่เกิดขึ้นจากปะการังหรือ สัตว์ใต้ทะเล ทำร้าย บางครั้งอาจติดเชื้อจากน้ำทะเล ให้ใช้ยาฆ่าเชื้อและรักษาความสะอาดแผลอย่างดี
ที่มา : talaythai.com

การเตรียมตัวเดินทาง และข้อควรปฎิบัติในการเที่ยวน้ำตก

การเตรียมตัวเดินทาง และข้อควรปฎิบัติในการเที่ยวน้ำตก
การเตรียมตัวเดินทางเที่ยวน้ำตก
  1. ศึกษาหาข้อมูล เกี่ยวกับน้ำตกที่จะเดินทางไปเที่ยวในทุก ๆ ด้าน เช่น การเดินทาง สภาพของ น้ำตก ที่ตั้ง และพื้นที่ ว่าอยู่ในพื้นที่ประเภทไหน เช่น อุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือพื้นที่ที่ อยู่ในความดูแลของจังหวัด นักท่องเที่ยวจะต้องทราบข้อมูล ตั้งแต่เริ่มออกเดินทางจนถึงการเข้าถึงตัวน้ำตก ซึ่งบางแห่งรถยนต์เข้าถึง บางแห่งต้องเดินเท้า ต่อ บางแห่งต้องเดินป่าและบางแห่งอาจต้องล่องแก่งเข้าไป หรือจำเป็นต้องพักค้างแรมในป่า
  2. วางแผนการเดินทาง โดยนำข้อมูลมาจัดเรียง เช่น ในบางพื้นที่อาจจะมีน้ำตกอยู่ใกล้เคียงกัน หลายแห่ง บางพื้นที่อาจมีจุดสนใจใกล้เคียงอื่น ๆ ด้วย จึงต้องจัดการเดินทางออกเป็นวัน ๆ
  3. ติดต่อประสานงานล่วงหน้า เท่าที่จะทำได้ เพื่อความแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นพาหนะ การจองตั๋ว ล่วงหน้า จอง ที่พัก โดยเฉพาะในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ หรือหากเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งต้องทำหนังสือขออนุญาต เข้าไปศึกษาธรรมชาติก่อนจึงจะเข้าไปในพื้นที่ได้ แต่เขตรักษา พันธุ์สัตว์ป่าบางแห่ง อาจอนุโลมให้เข้าไป เที่ยวชมได้ เช่น น้ำตกโตนงาช้าง และน้ำตกทีลอซู
  4. เตรียมพาหนะให้พร้อม หากเป็นรถที่ขับไปเองต้องตรวจสภาพเส้นทางในช่วงนั้น ตรวจความพร้อมของ พาหนะให้สมบูรณ์ หากเป็นรถที่เช่าเหมาไปต้องบอกข้อมูลกับคนขับให้ทราบเพื่อการเตรียมตัว
  5. รองเท้าที่เตรียมไป ควรให้เหมาะกับสภาพของน้ำตกที่จะเดินทางไป เช่น หากเป็นน้ำตกที่รถ เข้าถึง ไม่ ต้องเดินมาก ก็อาจเป็นรองเท้าแตะแบบรัดส้นธรรมดา แต่หากต้องเดินมากหน่อยใน เส้นทางที่ค่อนข้าง สมบุกสมบัน ควรใช้รองเท้าผ้าใบที่สวมสบาย ๆ พร้อมจะลุยและเปียกน้ำ เพราะบางช่วงต้องข้ามน้ำ หรือ หากเป็นเส้นทางเดินป่า เช่น น้ำตกขุนพองที่ต้อง เดินป่า ประมาณ 10 กิโลเมตร ก็ควรใช้รองเท้าสำหรับเดิน ป่า
  6. เตรียมอุปกรณ์เพื่อพักแรมในป่า รวมทั้งน้ำและอาหารให้พร้อม ในกรณีที่ต้องพักค้างกลางป่า
  7. เตรียมยากันแมลง ทาก และชุดสามัญ
  8. เตรียมร่างกายให้แข็งแรง
ข้อควรระวังในการเที่ยวน้ำตก
  1. เนื่องจากช่วงของการเดินทางเที่ยวน้ำตกนั้น มักอยู่ในฤดูฝน ควรจะตรวจตรา ระวังในเรื่อง ระดับน้ำและ น้ำป่า หากสังเกตว่าธารน้ำตกมีน้ำเต็มเปี่ยม ไหลแรง การเดินข้ามลำธารหรือ ลงเล่นน้ำควรต้องเพิ่มความ ระมัดระวัง หรือพยายามหลีกเลี่ยง และหากมีฝนตกหนักบริเวณนั้น หรือในผืนป่าต้นน้ำเป็นเวลานาน ๆ ควรขึ้นจากสายน้ำ และขึ้นมาอยู่ในบริเวณที่ปลอดภัย
  2. การเดินป่า หรือเลาะริมลำธาร หากจำเป็นต้องตัดข้ามไปมาบ่อยครั้ง ก็ควรยอมเปียกด้วยการ เดินลุยน้ำ เพราะการโดดข้ามไปตามก้อนหิน อาจเสี่ยงต่อการลื่นล้มได้รับบาดเจ็บได้
  3. หากจะต้องตั้งแค้มป์พักแรมกลางป่า ควรตั้งในที่สูงขึ้นมาจากสายน้ำพอสมควร เพราะอาจเกิด น้ำป่าไหล หลากลงมาได้
  4. ไม่ประมาท หรือหยอกล้อกันในบริเวณที่อาจจะเกิดอันตราย เช่น ริมผาน้ำตก ริมลำธาร เป็นต้น
  5. น้ำตกบางแห่งมีคำเตือน "ห้ามเล่นน้ำในบางบริเวณนี้" เช่น บริเวณอ่างน้ำตกพรหมโลก นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบริเวณที่มีน้ำวน ทำให้ผู้ลงไปเล่น จมน้ำเสียชีวิตได้ จึงไม่ควรฝ่าฝืน
  6. ควรระมัดระวังอย่าให้การเข้าไปเที่ยวน้ำตกของท่าน เป็นการรบกวนหรือทำลายธรรมชาติ
ข้อควรปฏิบัติและไม่ควรปฏิบัติ
  1. ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในการเที่ยวน้ำตก เพราะนอกจากจะทำให้เกิดการมึนเมา เสี่ยงต่อการ จมน้ำ หรือพลัดตกจากผาน้ำตกแล้ว เศษแก้วเศษขวดที่แตกยังเป็นอันตรายต่อ ผู้อื่นและธรรมชาติอีกด้วย
  2. ควรเคารพสิทธิ์ผู้อื่นที่เดินทางเข้าไปสัมผัสธรรมชาติร่วมกัน
  3. ไม่ทิ้งขยะในทุกพื้นที่ ยกเว้นภาชนะที่ได้จัดไว้ให้เท่านั้น
  4. ช่วยกันเก็บขยะออกจากพื้นที่ เพื่อให้แหล่งธรรมชาติงดงามน่าชมตลอดไป
  5. ควรปฏิบัติตามกฎระเบียบของสถานที่นั้น ๆ เช่น กฎระเบียบของอุทยานแห่งชาติ หรือกฎข้อ บังคับของ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
  6. ควรให้การเดินทางเข้าไปสัมผัสธรรมชาติของท่านเป็นการเรียนรู้ที่คุ้มค่าที่สุด

การเตรียมตัว และ ข้อควรปฏิบัติของนักดูนก

การเตรียมตัว และ ข้อควรปฏิบัติของนักดูนก
การเตรียมตัวไปดูนก
การดูนกถือเป็นการเดินทางไปชมธรรมชาติหรือป่าเขาลำเนาไพรที่เรามักนิยมทำกัน แต่ในการเดินทางไปชม ธรรมชาติในครั้งนี้ เราจะเน้นที่นก ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องมีกล้องสองตา (Binoculars) หรือกล้องเทเลสโคป (Telescope) ติดตัวไปด้วย เพื่อช่วยให้เห็นนกได้อย่างชัดเจน เห็นรายละเอียดของรูปร่าง สีสัน และพฤติกรรม ต่าง ๆ ราวกับว่านกที่เราเห็นกำลังเกาะ กระโดด หรือบินอยู่ใกล้ ๆ ตัวเรา
ก่อนออกเดินทางไปดูนกในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นในอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า พื้นที่อนุรักษ์ หรือสถานที่ดูนก (Birding Spot) นักดูนกทุกคนควรเตรียมตัวดังต่อไปนี้ เพื่อให้การเดินทางไปดูนก ในธรรมชาติได้รับประโยชน์สูงสุด
  1. ศึกษาและหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่จะไปดูนกให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เช่น เส้นทางที่ใช้เดินทางไป สถานที่ดูนก เส้นทางภายในสถานที่ดูนก พืชพรรณธรรมชาติ และลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ลักษณะ ของที่พัก ซึ่งอาจเป็นบ้านพัก หรือต้องกางเต็นท์ รวมทั้งการขออนุญาตเข้าไปใช้พื้นที่ล่วงหน้าด้วย
  2. ศึกษาชนิดของนกที่อาจพบในสถานที่ที่จะไปดูนก โดยติดต่อขอรายชื่อนกที่สำรวจพบในพื้นที่นั้น ๆ จาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  3. เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นในการดูนกภาคสนามให้พร้อม ได้แก่ กล้องสองตา กล้องเทเลสโคป คู่มือดูนก สมุด บันทึก ปากกา หรือดินสอ ควรตรวจสภาพกล้องสองตาให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง
  4. เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นในการเดินทางไปดูนกในธรรมชาติ เช่น หมวก กระติกน้ำ และอุปกรณ์ส่วนตัวอื่น ๆ ถ้าหากเดินทางไปดูนกในช่วงฤดูฝน ควรเตรียมร่ม เสื้อกันฝน และถุงพลาสติก เพื่อใช้ใส่กล้องสองตาไป ด้วย
  5. แต่งกาย หรือจัดเตรียมเสื้อผ้า ซึ่งมีสีสันเข้ากับสภาพแวดล้อม เช่น เขียว น้ำตาล น้ำเงิน เ เทา หรือดำ ไม่ ควรใส่เสื้อผ้า หรือหมวกสีขาว หรือสีสดใสอื่น ซึ่งถือว่าเป็นสีเตือนภัย (Warning Color) เพราะนก สามารถมองเห็นได้แต่ไกลและอาจบินหนีไปก่อนที่เราจะได้เห็นตัว
ข้อควรปฏิบัติ
เมื่อกิจกรรมดูนกแพร่หลายออกไปก็จำเป็นต้องมีข้อปฏิบัติที่เป็นหลักเกณฑ์ไปในทางเดียวกัน เพื่อให้นักดูนกทุก คนได้คำนึงถึงความสุขของนกมากที่สุด และต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นด้วย นักดูนกทุกคนควรยึดข้อ ควรปฏิบัติ 9 ประการ ดังนี้
  1. ความสุขของนกต้องมาก่อน การดูนก การถ่ายภาพ การอัดเสียง รวมทั้งการศึกษาทางวิชาการ ควรคำนึงเสมอว่า ต้องไม่เป็นการรบกวน หรือสร้างความลำบากให้แก่นก
  2. อนุรักษ์แหล่งอาศัยหากินของนก การกระทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูนกต้องไม่เป็นการบุกรุก ทำลายแหล่งอาศัยหากินของนกจนพื้นที่นั้นเสียหายหรือเสื่อมโทรมลงไป
  3. เมื่อพบนกที่หายากทำรัง ต้องคำนึงถึงการอนุรักษ์ก่อนสิ่งอื่นใด พยายามคุ้มครองนกให้ดีที่สุด ควรบอก เฉพาะผู้ที่ควรจะทราบเท่านั้น ไม่ควรรีบบอกต่อไปยังนักดูนกคนอื่น ๆ เพราะอาจทำให้นักดูนกจำนวน มากมุ่งไปดูนกที่หายากจนเป็นการรบกวนนก
  4. มื่อพบนกย้ายถิ่นที่หายาก ต้องนึกอยู่เสมอว่า หากข่าวแพร่ออกไปต้องมีนักดูนกมาดูกันมาก ซึ่งอาจมีผล กระทบอื่น ๆ ตามมา เช่น เป็นการรบกวนนก รวมทั้งเจ้าของพื้นที่และผู้อยู่ใกล้เคียง พื้นที่ที่นกหากินอาจ เกิดความเสียหาย หรือเกิดปัญหากับเจ้าของพื้นที่หรือไม่
  5. ปฏิบัติตามกฎหมายอนุรักษ์เสมอ ไม่ว่าจะไปดูนกยังสถานที่ใด เราควรเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายที่ อนุรักษ์นกและพื้นที่นั้นเสมอ
  6. เคารพสิทธิของเจ้าของพื้นที่ ไม่ควรเข้าไปดูนกภายในพื้นที่ใดโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ การไปทุก ครั้งควรแจ้งให้เจ้าของพื้นที่ทราบล่วงหน้าเสมอ
  7. เคารพสิทธิของผู้อื่นที่ใช้สถานที่ร่วมกัน ในขณะที่ผู้อื่นดูนกอยู่ ไม่ควรทำให้นกตกใจ จนบินหนีไป ต้องคำนึงเสมอว่ามีผู้อื่นที่ใช้สถานที่ร่วมอยู่กับเรา และหากมีผู้อื่นที่ไม่ใช่นักดูนก อยู่ในบริเวณนั้นด้วย ไม่ควร กระทำสิ่งใดที่เป็นการรบกวนกิจกรรมที่เขากำลังดำเนินอยู่
  8. รายงานการพบนกให้หน่วยงานที่เก็บข้อมูลและเจ้าของพื้นที่เก็บไว้ การศึกษาและอนุรักษ์นกในปัจจุบันมี ผลมาจากการรายงานการพบนกของนักดูนกในอดีต ดังนั้น การที่เรารายงานการพบนกในปัจจุบันให้ผู้ที่ เกี่ยวข้องได้ทราบ จะเป็นประโยชน์ต่อการดูนก การศึกษา และการอนุรักษ์นกในอนาคต
  9. ปฏิบัติเช่นเดียวกับในต่างประเทศ ไม่ว่ากฎหมายของแต่ละประเทศบัญญัติไว้ต่างกันเช่นไร แต่การดูนกก็ มีหลักเกณฑ์เหมือนกันทุกแห่ง นักดูนกจึงควรยึดหลักเกณฑ์ที่กล่าวมา แล้วในทุกแห่ง เพื่อการดูนกจะได้ เป็นกิจกรรมสากลในระดับนานาชาติอันจะเป็นผลดีในการ ร่วมมือกันอนุรักษ์นกต่อไป