วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เที่ยวป่าปลอดภัย ในหน้าฝน




ถึงฝนจะตกแดดจะออก สำหรับคนชอบเที่ยว เมื่อหัวใจมันร่ำร้องให้ออกเดินทางซะแล้ว คงไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้ แต่จะให้ปลอดภัยก่อนเดินทางต้องตรวจสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยาที่ www.tmd.go.th แล้วจัดเตรียมสัมภาระต่างๆ ให้เหมาะสมกับทริปที่จะไป ที่เหลือคือสิ่งที่ควรทำ เช่น เที่ยวน้ำตก เดินป่า ล่องแก่ง

ก่อนลงเล่นน้ำสำรวจทางขึ้นลงไว้ด้วยเผื่อฉุกเฉิน เกิดน้ำป่าไหลหลากจะได้หนีขึ้นที่สูงได้ทัน และระหว่างเล่นน้ำโปรดสังเกตสัญญาณของน้ำป่า คือระดับน้ำที่เพิ่มขึ้น แรงขึ้น สีของน้ำเปลี่ยนเป็นสีแดงขุ่น หรือน้ำสีขุ่นขึ้น และฟังเสียงที่ดังผิดปกติของสายน้ำ

ปฏิบัติตามกฎระเบียบของสถานที่อย่างเคร่งครัดเช่น ไม่ลงเล่นน้ำในเขตหวงห้าม ในบริเวณวังน้ำวน หรือกระแสน้ำไหลเชี่ยว ไม่ควรปีนป่ายไปตามริมหน้าผาน้ำตก หรือบนพื้นที่อันตราย อาจลื่นพลัดตกลงมาได้

หากจะล่องแก่ง ต้องมีผู้เชี่ยวชาญดูแล และคุณต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำแนะนำ อีกทั้งต้องใส่อุปกรณ์ชูชีพเสมอ

การเดินป่าต้องระวังสัตว์มีพิษต่างๆหากตั้งแคมป์ในป่าไม่ควรอยู่ใกล้ลำธารเกินไป เพราะอาจมีน้ำป่าไหล ควรเลือกทำเลตั้งแคมป์ที่ปลอดภัยจากระดับน้ำ และเลี่ยงบริเวณที่เคยเป็นร่องน้ำ

การเดินป่าเที่ยวน้ำตกควรใส่รองเท้าเดินป่าที่กระชับ พื้นรองเท้าควรเป็นยางชนิดอ่อน และมีดอกยางซึ่งจะเกาะพื้นหินและพื้นดินได้ดีกว่ารองเท้าพื้นแข็ง โดยเฉพาะหน้าฝนที่พื้นที่ป่าจะลื่นมากกว่าปกติ

ไม่ควรอยู่ในชุดเสื้อผ้าที่เปียก หรืออยู่ในน้ำเย็นเป็นเวลานาน อาจจะเป็นตะคริว จมน้ำ หรือเป็นไข้ได้

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ท่องเที่ยวอย่างไรให้สบายเท้า

“ท่องเที่ยวอย่างไรให้สบายเท้า”



นับ 1 วันจันทร์... นับ 2 วันอังคาร... เฮ้อ... นับ 3 วันพุธ... นับ 4 วันพฤหัส... นับ 5 วันศุกร์ เย้...ยยย!! ในที่สุด ก็ถึงวันสุดสัปดาห์ซะที หลังจากตั้งหน้าตั้งตานับวันรอมานานหลายวัน (แค่ไม่กี่วันนี่นา...) ได้เวลาออกเดินทางไปท่องเที่ยว “ป่า”กันแล้ว YES...!!! อ๊ะๆ แต่ก่อนออกเดินทางเรามาเตรียมตัวให้พร้อมกันก่อนดีกว่า...

ว่ากันด้วยเรื่องของ “สถานที่” คุณต้องศึกษาหาข้อมูลสถานที่ที่คุณจะไปเที่ยวให้มากที่สุด และดูว่าที่นั่นมีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง “อุปกรณ์เดินป่า” เป้หลัง เต็นท์ ถุงนอน เปลสนาม ไฟฉาย เสื้อกันฝน มีดพก กระติกน้ำ หม้อสนาม ชุดยาสามัญ เชือก สมุดบันทึก ถุงพลาสติก ฯลฯ อย่าลืมเตรียมไปให้พร้อมเชียว

ต่อกันที่เรื่องของ “เครื่องแต่งกาย” ควรเป็นชุดที่ใส่สบาย คล่องตัว และใช้โทนสีที่กลมกลืนกับธรรมชาติ เช่น สีเขียว หรือน้ำตาล ควรใส่เสื้อแขนยาว เพื่อป้องกันแมลง หนามและแสงแดดเนื้อผ้าควรเป็นชนิดที่ซับน้ำได้ดี เพื่อจะได้ดูดซับเหงื่อ ช่วยระบายความร้อน กางเกงควรเป็นกางเกงที่สวมสบาย เสื้อผ้าควรแบ่งออกเป็น 2 ชุด คือ ชุดเดินป่า 1 ชุด และชุดนอน 1 ชุด นอกจากนั้นควรมีเสื้อแจ็กเก็ตอีก 1 ตัว และถุงเท้า เพราะในเวลากลางคืนในป่าจะมีอากาศเย็น อืม... และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “รองเท้า” สิ่งสำคัญที่สุด ที่จะทำให้การเดินทางไปท่องเที่ยวป่าในครั้งนี้ของคุณ แฮปปี๊... แฮปปี้

แหม... และในเมื่อรองเท้าถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเริ่มต้นเดินทางอย่างนี้แล้ว เราก็อดไม่ได้ที่จะเอาเคล็ดลับในการเลือกรองเท้าเดินป่าอย่างถูกวิธีมาฝากเพื่อนๆ กัน ว่าแล้วอย่ารอช้าเราไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ

รองเท้าสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 จำพวก ดังนี้นะคะ
1.รองเท้าใส่เดินแบบหุ้มส้นเท้า (Low Cut) สำหรับเดินเที่ยวเวลากลางวัน เหมาะสำหรับใส่เดินแบกสัมภาระเพียงวันเดียว
2.รองเท้าแบบหุ้มข้อเท้า (Approach Shoe) เป็นรองเท้าหุ้มข้อซึ่งเหมาะสำหรับใช้เดินป่า ช่วยให้คุณเดินได้อย่างสะดวก แม้ต้องรับภาระแบกน้ำหนักเยอะๆ ก็ตาม
3.รองเท้าสำหรับเดินนอกเส้นทาง มีส่วนหุ้มถึงหน้าแข้ง เพื่อเป็นการเสริมความแข็งแรง ป้องกันการกระทบกระ เทือนจากพวกกิ่งไม้ใบหญ้าได้เป็นอย่างดี แต่รองเท้าจำพวกนี้จะถอดยากซักหน่อยนะคะ

เอาล่ะ!! หลังจากรู้จักกับพวกรองเท้าเดินป่าต่างๆ นาๆ หลายๆ แบบแล้ว เราก็มาดูที่ “พื้นรองเท้า” กันต่อเลยดีกว่าค่ะ โดยรองเท้าที่มีดอกลึกและแข็ง จะใช้ได้ดีในพื้นที่ที่มีดินอ่อนนุ่ม เฉอะแฉะ ริมตลิ่ง แต่จะใช้ไม่ได้กับพื้นที่แข็งหรือบนก้อนหิน ส่วนรองเท้าที่มีดอกตื้น เรียบและอ่อน ใช้ได้ดีในพื้นที่ที่แข็ง บนก้อนหิน แต่จะใช้ไม่ได้ในพื้นที่ดินนุ่มหรือริมตลิ่ง

ทีนี้เรามาดูวิธีการเลือกรองเท้าให้เหมาะสมกับเท้ากันบ้าง คุณควรเลือกซื้อรองเท้าในตอนบ่าย เพราะเป็นช่วงที่เท้าของเราขยายเต็มที่ ลองใส่รองเท้าโดยไม่ใส่ถุงเท้า เลื่อนเท้าไปข้างหน้าย่อเข่าลงเล็กน้อย เอานิ้วสองนิ้วสอดเข้าไประหว่างหลังของรองเท้ากับหลังเท้าของคุณ ถ้านิ้วลงไปไม่ได้แสดงว่ารองเท้าของคุณเล็กเกินไป หรือคุณอาจจะลองรองเท้าโดยการใส่ถุงเท้าอีกคู่หนึ่งก็ได้ หลังจากนั้นก็ลองเดินรอบๆ ร้านดู ถ้าคุณรู้สึกว่ามีรอยย่นหรือมีความกดดันผิดปกติที่จุดไหน ก็ควรเปลี่ยนเป็นคู่อื่น

555 ในที่สุดก็เลือกรองเท้าคู่ใจที่จะใส่ไปเดินป่าได้แล้ว... !!! เราต้องมาทำความคุ้นเคยกับเจ้ารองเท้าคู่นี้กันหน่อย... คุณควรสวมมันเดินรอบบ้านสัก 4-5 วัน หรือเดินเป็นระยะทางสั้นๆ ในตอนกลางวัน เพื่อให้เท้าของคุณได้รู้จักกับรองเท้าของคุณ ที่สำคัญ ให้ปฏิบัติอย่างนี้ทุกครั้งก่อนการออกทริปนะคะ รับรองว่ามันจะไม่กัดคุณอย่างแน่นอน

สำหรับการดูแลรักษารองเท้าก็แสนจะง๊าย... ง่าย การดูแลรักษาเพียงเล็กน้อยก็อาจช่วยยืดอายุการใช้งานให้รองเท้าของคุณได้นานเท่านาน รองเท้าทุกคู่ควรทำความสะอาดก่อนเก็บ โคลนหรือขี้ดินสามารถจัดการได้ด้วยแปรง แล้วน้ำไปผึ่งลมเพื่อไล่ความชื้นออกจากรองเท้า และนำไปเก็บในที่เย็นและแห้ง จะช่วยรักษารูปทรงของรองเท้า

มาถึงขั้นตอนสุดท้าย คือ การดูแลและรักษาความสะอาดเท้า (ของคุณเอง) การล้างเท้าทุกวันไม่เพียงแต่เป็นสุขอนามัยที่ดีเท่านั้น แต่มันยังทำให้คุณรู้สึกสดชื่นอีกด้วยนะคะ เยี่ยม...!! ในที่สุดก็เตรียมตัวพร้อมแล้ว... ว่าแต่คุณล่ะคะพร้อมหรือยังที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวแบบสบายเท้าในทริปนี้ (ก็เพราะเลือกรองเท้าดีมีคุณภาพเหมาะกับเท้าเราที่สุดแล้วไง มั่นใจ สบายเท้าแน่นอน...อิอิ)

วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เที่ยวป่าปลอดภัย ในหน้าฝน



ถึงฝนจะตกแดดจะออก สำหรับคนชอบเที่ยว เมื่อหัวใจมันร่ำร้องให้ออกเดินทางซะแล้ว คงไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้ แต่จะให้ปลอดภัยก่อนเดินทางต้องตรวจสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยาที่ www.tmd.go.th แล้วจัดเตรียมสัมภาระต่างๆ ให้เหมาะสมกับทริปที่จะไป ที่เหลือคือสิ่งที่ควรทำ เช่น เที่ยวน้ำตก เดินป่า ล่องแก่ง

ก่อนลงเล่นน้ำสำรวจทางขึ้นลงไว้ด้วยเผื่อฉุกเฉิน เกิดน้ำป่าไหลหลากจะได้หนีขึ้นที่สูงได้ทัน และระหว่างเล่นน้ำโปรดสังเกตสัญญาณของน้ำป่า คือระดับน้ำที่เพิ่มขึ้น แรงขึ้น สีของน้ำเปลี่ยนเป็นสีแดงขุ่น หรือน้ำสีขุ่นขึ้น และฟังเสียงที่ดังผิดปกติของสายน้ำ

ปฏิบัติตามกฎระเบียบของสถานที่อย่างเคร่งครัดเช่น ไม่ลงเล่นน้ำในเขตหวงห้าม ในบริเวณวังน้ำวน หรือกระแสน้ำไหลเชี่ยว ไม่ควรปีนป่ายไปตามริมหน้าผาน้ำตก หรือบนพื้นที่อันตราย อาจลื่นพลัดตกลงมาได้

หากจะล่องแก่ง ต้องมีผู้เชี่ยวชาญดูแล และคุณต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำแนะนำ อีกทั้งต้องใส่อุปกรณ์ชูชีพเสมอ

การเดินป่าต้องระวังสัตว์มีพิษต่างๆหากตั้งแคมป์ในป่าไม่ควรอยู่ใกล้ลำธารเกินไป เพราะอาจมีน้ำป่าไหล ควรเลือกทำเลตั้งแคมป์ที่ปลอดภัยจากระดับน้ำ และเลี่ยงบริเวณที่เคยเป็นร่องน้ำ

การเดินป่าเที่ยวน้ำตกควรใส่รองเท้าเดินป่าที่กระชับ พื้นรองเท้าควรเป็นยางชนิดอ่อน และมีดอกยางซึ่งจะเกาะพื้นหินและพื้นดินได้ดีกว่ารองเท้าพื้นแข็ง โดยเฉพาะหน้าฝนที่พื้นที่ป่าจะลื่นมากกว่าปกติ

ไม่ควรอยู่ในชุดเสื้อผ้าที่เปียก หรืออยู่ในน้ำเย็นเป็นเวลานาน อาจจะเป็นตะคริว จมน้ำ หรือเป็นไข้ได้

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

รู้รักษารถ...ในยามฝนพร่ำ

ขับรถหน้าฝน


ย่างเข้าหน้าฝนคนมีรถคงกลุ้มใจกับปัญหามากมายที่อาจตามมา ฉบับนี้ Lisa มีข้อควรรู้ ให้สาวๆ นำไปใช้ดูแลรถในหน้าฝน มาฝากกันค่ะ


1. ตรวจเช็คความพร้อม ของที่ปัดน้ำฝนและยางรีดน้ำว่ายังใช้การได้คืออยู่หรือไม่


2. สำรวจระบบไฟ ทั้งไฟหน้า-ท้าย ไฟเลี้ยว ไฟกะพริบ ไฟถอยหลัง เวลาฝนตกหนักไฟเหล่านี้จะช่วยเราได้


3. หมั่นเติมน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ให้อยู่ในระดับมาตรฐาน หากฝนตกหนักช่วงกลางคืนรถจะใช้กระแสไฟฟ้ามาก แบตเตอรี่อาจจะอ่อนลงได้


4. เติมลมให้พอดีและตรวจยางทั้ง 4 เส้นให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้ หากพบว่าดอกยางสึกมาก ควรเปลี่ยนใหม่ เวลาฝนตกถนนจะลื่นมาก หากยางไม่ดีรถจะไม่ยึดเกาะถนน เตรียมยางอะไหล่ไว้เผื่อฉุกเฉินด้วย


5 . ตรวจสอบระบบเบรกด้วยการเหยียบย้ำๆ ดูว่าเบรกสึกหรือตื้นไปมั้ย และให้เหยียบย้ำๆ มากขึ้นเมื่อขับพ้นสภาพถนนเปียก เป็นการไล่น้ำออกจากเบรกช่วยให้เกิดประสิทธิภาพดีในการใช้งานต่อไป


6. ระวังเครื่องยนต์ดับกะทันหันหากขับเร็วเกินไปในขณะที่ฝนตก เพราะหากขับเร็วเครื่องยนต์จะร้อนจัดเมื่อปะทะกับความเย็นภายนอกเครื่องจะ น๊อก มีผลทำให้กระแสไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งเป็นเหตุให้เครื่องยนต์ดับได้


7. ถ้าเครื่องยนต์ดับให้เปิดฝากกระโปรง แล้วใช้ผ้าแห้งซับเครื่องยนต์ ควรมีสเปรย์ฉีดไล่ความชื้นติดรถไว้ด้วย


8. หากเกิดฝ้าบริเวณกระจกหน้า ให้ใช้ผ้าแห้งเช็ดเป็นระยะๆ เพื่อทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่


9. หากหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ถนนมีน้ำท่วมขังไม่ได้ให้ปิดเครื่องปรับอากาศชั่วคราว เพราะน้ำอาจจะเข้าไปที่พัดลมทำให้เสียได้ และพัดลมหม้อน้ำจะตีเอาน้ำที่เข้ารถเป็นละอองเข้าในห้องเครื่องเป็นสาเหตุให้รถดับได้


10. ถ้าไม่รีบเกินไปนัก ควรหยุดพักรถข้างทางพร้อมเปิดไฟฉุกเฉิน เพื่อความปลอดภัย

วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ขับรถหน้าฝนอย่างปลอดภัย




ฝนตก ถนนลื่น และความประมาท คือสาเหตุหลักของอุบัติเหตุบนท้องถนน ยิ่งถ้าวันไหนฝนตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตาแล้วล่ะก็ ร้อยทั้งร้อยเกิดอุบัติเหตุชัวร์ หากไม่อยากเสียคนที่เรารักหรือคนที่รักเรา รวมทั้งทรัพย์สินที่จะต้องจ่ายให้กับคู่กรณี ลองทำตามคำแนะนำนี้ดู

ไม่ควรขับรถชิดคันหน้ามากจนเกินไป ทิ้งระยะห่างประมาณ 10-15 เมตร เนื่องจากอาจมีการเบรกรถกะทันหัน หรือไม่ก็อาจเป็นละอองน้ำที่ดีดจากรถคันหน้าทำให้ทัศนวิสัยของผู้ที่ขับตามา ไม่ชัดเจน

ชะลอความเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากการขับรถด้วยความเร็วสูง จะทำให้แรงดันของน้ำระหว่างยางกับถนนเพิ่มขึ้น เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะทำให้เกิดการแล่นบนผิวน้ำ โดยน้ำเข้าไปแทรกระหว่างยางกับผิวถนน อาจทำให้รถเกิดการแฉลบได้

ควรเปิดไฟคู่หน้าไว้ตลอดเวลา เนื่องจากเม็ดฝนที่เกาะกระจกทำให้ทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ไม่ชัดเจน การเปิดไฟจึงช่วยได้ในระดับหนึ่ง

หลีกเลี่ยงการเปิดไฟฉุกเฉินเมื่อฝนตกหนัก ให้เปิดเฉพาะไฟต่ำ เนื่องจากเป็นการรบกวนสายตาผู้ขับขี่คันอื่น

ควรตรวจสอบยางรถยนต์เพื่อความปลอดภัย ยางรถยนต์มีผลอย่างมาก หากสูบยางน้อยไปอาจทำให้รถยนต์แฉลบได้ง่าย

ในหน้าฝนควรเพิ่มแรงดันลมให้มากขึ้นจาก เดิมอีก 2-3 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เพื่อให้หน้ายางแข็งและมีกำลังในการรีดน้ำดอกยางและขนาดของหน้ายางยังมีผล ต่อประสิทธิภาพการยึดเกาะในขณะขับรถยนต์ หากใช้ยางดอกละเอียดจะทำให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น

หากฝนตกหนัก สิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่งคือ

1) เมื่อลุยน้ำระดับสูงควรปิดแอร์เพื่อไม่ให้พัดลมไฟฟ้าทำงาน เพราะจะเป็นการตีน้ำให้กระจายเต็มห้องเครื่อง

2) หลังจากขับรถผ่านพ้นจากผิวจราจรที่มีน้ำท่วมแล้ว ควรเหยียบเบรกเพื่อไล่น้ำออกจากเบรก 2-3 ครั้ง การทำงานของระบบเบรกจะกลับสู่สภาพเดิม

3) การจอดรถไม่ควรเข้าเกียร์ค้างไว้ หรือใส่เบรกมือเหมือนยามปกติ เพราะอาจทำให้เกียร์ค้าง หรือเบรกติดได้ ใน กรณีที่จอดรถค้างคืนแล้วตอนเช้าเอารถออกมีเสียงครืดคราดจากเบรกไม่ต้องตกใจ เป็นเรื่องธรรมดา เนื่องจากเบรกติด ซึ่งจะมีเสียงเฉพาะตอนขับรถครั้งแรกเพียงครั้งเดียว ยกเว้นถ้าดังทุกครั้งที่เหยียบเบรกควรไปปรึกษาช่าง

ขับขี่รถด้วยความไม่ประมาท คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่ขับรถ จะช่วยลดอุบัติเหตุ

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สถานที่ท่องเที่ยวรับสุนัขเข้าพักได้




จ.กระบี่
  1. Salatun Resort อยู่ที่แหลมคอกวาง เกาะลันตา
  2. ทับแขก ซันเซ็ท บีชรีสอร์ท 07 5-628-600 / 618-067
  3. พาราไดซ์ รีสอร์ท ; 075-637-650-1
  4. ฟูลมูนเฮ้าส์แอนด์ รีสอร์ท 075-637-735 / 09-4741301
  5. อ่าวนาง เม้าเท่น พาราไดซ์


จ.กาญจนบุรี
  1. ผากล่อมไพร
  2. สยามบุรี รีสอร์ท
  3. โฮม พุ เตย ไปได้ด้วย ราคา promotion ตามงาน 2 คน 1 คืน ( อาหาร 6 มื้อ เครื่อมดื่มเพื่อสุขภาพ Free , มีbar เครื่องดื่ม อยากกินเหล้าเบียร์ เอาไปเองได้ไม่มีชาร์ท ) 2000 บาท วันศุกร์เสาร์ 3000 บาท


จ.ชลบุรี
  1. Mercure :
  • น้องม๋า 200 บาท / ตัว / คืน
  • เป็นแบบตึก มี 3 ประเภท คือ Superior , Delux, Family Room
  • พอดีตอนที่ถาม Sup.เต็มเลยมะได้ถามราคาเลย, Delux อยู่ที่ 2,500 รวมอาหารเช้าFamily 3,300 รวมอาหารเช้า ห้อง Family พักได้ผู้ใหญ่ 2 เด็ก 2 ที่สำคัญมี Play station ด้วย
  • ที่พักไม่ติดทะเลนะคะ แต่เห็นว่ามีรถบริการไปชายหาดคร่า- โทร 038-425-050
2. Sea Sand Sun Resort (แพงอ่ะ)
  • น้องม๋าไม่คิดค่ะ
  • ห้องพักมี 3 แบบ บังกะโล ห่างจากทะเล 50 เมตรราคา 2,730 บาท, สไตล์บาหลี ห่างจากทะเล 50 เมตา ราคา 3,413 บาท แล้วก้อแบบติดทะเล (ห่างแค่ 10 เมตร) ราคา 4,520 บาทคร่า
  • มีเวบด้วย www.seasandsunpty.com
  • โทร 038-435-163
3. Sunset Village : อยู่แถว ๆ ทางเข้าสวนนงนุช
  • น้องม๋าพักได้เฉพาะ Garden View 400 บาท / ตัว / คืน
  • ราคาห้อง Garden View ราคาเต็ม 4,237 บาท แต่ถ้ามีบัตรเครดิตต่างๆ & low season ลดเหลือ 2,966 บาท ค่ะ
  • ที่พักติดทะเล แต่ห้ามน้องหมาไปบริเวณสระว่ายน้ำ & ส่วนของร้านอาหาร
  • โทร 038-837-940, 038-237-979 เว็บไซต์ : http://www.sunsetvillage.co.th
4. Tamarina Resort อยู่ที่อ่างศิลา ชลบุรี ใกล้นิดเดียวค่ะ เพิ่งเปิดไม่นาน
  • อนุญาตเฉพาะตัวเล็ก และไม่นอนบนเตียง ไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มค่ะ
  • http://www.tamarinaresort.com/index.htm
  • อันนี้โทรไปถามมาแล้ว วันธรรดา 1,800 บาท
  • วันศุกร์ - เสาร์ 2,500 บาท
5. แคบเบจแอนด์คอนดอม พัทยา(ของคุณมีชัย วีระไวทยะ)
6. ซีซาร์พาเลซ
  • น้องม๋าไม่คิดคร่า
  • เป็นมี 2 ประเภท คือ Delux 1,530 , Superior 2,000 ไม่รวมอาหารเช้านะคะ
  • ที่พักไม่ติดทะเลนะคะ แต่เดินได้ ประมาณ 200-300 เมตร
  • โทร 0-3842-5724,0-3842-8607
7. บ้านน้ำเมารีสอร์ท
  • ไม่คิดค่าน้องม๋า
  • มี 2 แบบ คือแบบโรงแรม ห้องละ 800 บาท , แบบบังกะโล 900 บาท
  • แต่ที่พักไม่ติดทะเลนะคะ ห่างจากทะเลประมาณ 450 เมตร
  • เขาบอกว่าเป็นเครือเดียวกับ Botany Beach Resort นะคะ ห่างกันนิดเดียว
  • เคยพักที่ botany หาดเป็นหาดส่วนตัว โอเคเลยอ่ะ แต่ไกลตัวเมืองพัทยา ขับรถมาอีกพักนึงเลย
  • www.bannammaoresort.com
  • เบอร์โทร 0-3825-5431, 0-3825-5937
8. โรงแรมDragon ที่พัทยา เคยไปพักที่อยู่เกือบสุดหาดจอมเทียน
  • เป็นโรงแรมประมาณ 3 ดาว ก็โอเคค่ะ
  • เพื่อลูกเราน่ะนะ เค้าก็อนุญาตให้สุนัขเข้าโรงแรมได้ แต่ต้องไม่รบกวนผู้อื่น และก็ต้องตัวไม่โตมากน่ะคะ
9. โรงแรมพัทยาปาร์ค เค้ามีแบบที่เป็นบ้านแยก ที่หมาพักได้
  • Tel. 0-25799612-4, 0-2941-2055-6
  • Tel. 038-251201-8,038-364110-20
10. วันดีเฮ้าส์
  • น้องม๋าคิด 200/ ตัว / คืน
  • ห้องพักมีหลายแบบเลยค่ะ ราคาตั้งแต่ 600 - 1,000
  • อยู่หาดจอมเทียน เป็นแบบตึกๆ ที่อยู่ตรงข้ามชายหาดเลยอ่ะ
  • เบอร์โทร 038-232-863 , 038-232-897
11. ษารีย์ ติดกับ จอมเทียนชาเล่ต์
  • เป็นหมู่บ้านจัดสรร ที่บ้านบางหลัง(หลายหลังเลยแหละ)
  • มาให้เช่า 2 นอน 2 น้ำ เป็นแอร์ มีที่จอดรถ รั้วรอบขอบชิด และ มีครัวด้วย...ชื่อ ษารีย์ 089-7918540
12. แสมสารวิลล่า 038-43 7077 1400-1800 บาท/หลัง
13. หาดตะวันรอน 038-237979-80, 02-247-6700

หมายเหตุ จอมเทียนชาเล่ต์ กะ แนชเชอรัลปาร์ครีสอร์ท ตอนนี้เขาไม่รับน้องหมาแล้วนะคะไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม


จ.ชุมพร
  1. ทรายรีบีชรีสอร์ท โทร.077-558002,077-558170

จ.เชียงราย
  1. ห้วยกุ่มรีสอร์ท เชียงราย www.huaikhum.com
จ.เชียงใหม่
  1. คำม่อนเพลส ในคูเมือง เชียงใหม่ตรงข้าม รพ.สวนดอก และ ติดกับ สวนสาธารณะหนองบวกหาด บรรยากาศดีน๊า
  • 053-278936 ราคาราว 650 ในช่วงธรรมดา ลองโทรไปคุยดูนะจ๊ะ เจ๊เคยไปมาแว้วน๊าตอนปลายปีที่แล้ว
  • แนะนำว่า บอกเขาว่าไม่เอาห้อง 102-103 นะ ใกล้ทางเดินเชื่อมต่อ อาจจะทำให้น้องหมา เห่าได้.....
2. โรงแรม 3b ตรงข้าม เซ็นทรัลแอร์พอร์ต โทร 053-279430, 279485
  • http://www.3bchiangmai.com/index.html
3. โรงแรม เลียม สวนดอกไม้ บูติค รีสอร์ท เชียงใหม่


จ.ตราด
  1. คลองพร้าว แคมป์ (เกาะช้าง) 01-903-8826 มีหลายแบบให้เลือก
  • กระท่อมไม้ไผ่คืนละ 300 บาท
  • ห้องแอร์ 800-900 บาท
2. www.kachapura.com เป็นรีสอร์ทอยู่ที่ lonely beach เกาะช้าง
3. แม็ค รีสอร์ท เกาะช้าง หาดทรายขาว
  • Tel. 01-554-6829 , 06-327-8330 , Fax 039-551-125
  • www.mac-resorthotel.com
4. กัปตันฮุค รีสอร์ต ที่เกาะกูดด้วยค่ะ แต่ไม่รู้เค้าคิดเท่าไหร่นะคะ

5. The Beach Natural Resort เกาะกูด


จ.นครนายก
  1. โรงเรียนนายร้อย จปร.(เฉพาะบ้านพักในกรมทหารราบ)


จ.นครราชสีมา
  1. ที่บ้านชมตะวัน อ.วังน้ำเขียว จังหวัด นครราชสีมา ความจริงถัดจากบ้านผางามไปนิดวิวสวย บ้านหนึ่งหลัง มีสองห้องนอน หนึ่งห้องอาบน้ำ หนึ่งห้องส้วม หนึ่งห้องนั่งเล่นเหมาะกับครอบครัวใหญ่ คืนละ สองพันค่ะ และมีที่ camping สำหรับกางเตนท์ ให้น้องหมา
ไปมาแล้วค่ะ ไปกันหลายคน สนุกทั้งคนทั้งหมา ถูกด้วย แล้วก้อแวะไปเล่นบ้าผางามด้วย ที่นี่สามารถ cooking ได้มีครัวให้ คล้าย home stay
โทร. 0818151796


จ.ประจวบคีรีขันธ์
  1. Jinning Beach Guest House หัวหิน
  2. Kalamona ดี สวย ให้หมาเล็กพักได้
  3. Rachavadee บ้านกรูด http://www.rachavadee.com/ สุนัขคิด 500 บาท
  4. Royal Beach Resort หาดปึกเตียน ถึงก่อนชะอำเล็กน้อย 032- 478119 มีหาดส่วนตัว น้องหมาเล่นน้ำสะดวกมาก รับได้หมด เคยมีชมรมโกลเด้น ไปกันตั้ง 30 ตัว
  5. Swan Resort 032-513-362
  6. Swiss Beach Resort (ปราณบุรี) 01-8245581 คุณสาธิต ตอนแรกก็ถามว่า เป็นสุนัขพันธุ์ไหน พอเราบอกว่าเป็นโกลเด้น ฯ เท่านั้น ยินดีต้อนรับคะ ไม่คิดเงินเพิ่ม
  7. ธารวราบีช บ้านกรูด
  8. นิรันดร์รีสอร์ท ชะอำ 032-471038 ห้องพักใหม่มากๆประมาณ10กว่าห้องเอง เป็นสถานที่ส่วนตัวมากๆ ติดหาดนิดเดียวเอง..ถึงหน้าหาดแล้วเลี้ยวซ้าย ก่อนถึงseven ค่าห้อง 1,200
  9. บ้านกรูดบีช รีสอร์ท ไม่ให้นอนด้วย
  10. บ้านเคียงทะเล ครัวบ้านครู ณ หาดบ้านหัวดอนอ่าวตะเกียบ หัวหิน โทร 032-536-645 / 09-8208918 / 061745766 เจ๊จ๋า อยู่ถัดจากอนันตศิลาไปอีก 2 ซอย แต่ที่พักไม่หรูหรา ติดหาด เป็นบังกาโลเล็กๆ มีเพียง 10 กว่าห้อง เน้นธรรมชาติเรียบง่าย อาหารอร่อย ราคา 800 (พัดลม)-1500 บาท (แอร์) หมาพักได้ไม่มีชาร์จ
  11. บ้านชมทะเล ปราณบุรี
  • "เป็นบ้านแบบต่อเติม ติดหาด ห้องกว้างดีแต่ไม่เห็นวิวทะเล หาได้ในเว็บท่องเที่ยว คืนละ 1300 บาทประจวบคีรีขันธุ์ สวนสนประดิพัทธุ์ (ของทหาร) http://www.sounson.com/ ต้องโทรจองก่อน บังกะโลก็จะอยู่ติดหาดเลยด้วย พาไปได้อยู่แล้ว เจ้าหน้าที่เค้าไม่ว่า จองส่วนที่เป็นบังกะโล ไม่ใช่บ้านพักรับรอง
12. บ้านเนินชะเล 032-511-288
13. บ้านปิ่นโต ชะอำ บ้านเป็นหลังอ่ะจ๊ะ 07-1697853,09-5470650 หลังละ 2500-3500
14. บ้านพักริมหาด (หัวหิน) ก่อนถึงเขาตะเกียบ
15. บ้านลอนทราย ปราณบุรีค่ะ
  • เค้าให้พาน้องหมาไปเที่ยวได้นะคะ เจ้าของเค้าก็มีน้องหมาเหมียนกัน พันธุ์โกลเด้นท์ด้วยตั้ง 2 ตัวแน่ะ
16. บ้านสบายชายทะเล ใกล้อช.สามร้อยยอด ชายทะเลพุน้อย ปราณบุรี
  • โทร.0-9032-7222 8:00-21:00 http://www.bansabaichaitalay.com/ เจ้าของชื่อคุณปอ คุณป๋อม น่ารักอัธยาศัยดี แนะนำที่เที่ยวที่กินได้รายละเอียดเยอะมากๆ เป็นบ้านที่น่ารักมากๆ บรรยากาศดี สถานที่สะอาดน่าพัก อาหารอร่อยมาก ราคามิตรภาพ แต่ไม่ติดทะเล ห่าง 200 ม. มีจักรยานให้ขี่(ฟรี) เรื่องไปริมทะเลเลยใกล้นิดเดียว 990/คืน สุนัขน้ำหนักไม่เกิน 12 กก. 100/ตัว
17. บ้านสันติสุข ใกล้ชายหาดชะอำ พื้นที่กว้างขวาง
18. บ้านอนันตศิลา (เขาตะเกียบ-หัวหิน) สถานที่ดีมาก พัก 2 ท่าน 3,000บาท พัก 4 คน 4,000บาท
  • ส่วนหมา ตัวเล็ก ตัวละ 300 ตัวใหญ่ ตัวละ 500
  • ไม่มีอาหารเช้านะคะ ต้องโทร.จองล่วงหน้าและต้องบอกให้โรงแรมทราบก่อนว่า จะขอเอาสุนัขไปพักด้วย เพราะที่น้องหมาพักได้ มีแค่ 2 ห้อง
Hua Hin
Tel: (032) 511-879, (032) 536-364, 01-212-3616
Fax: (032) 515-914
Bangkok
Tel: 0-2221-1732
19. บิวตี้ บีชรีสอร์ทที่ปราณฯ
  • เค้าให้แต่สุนัขพันธุ์เล็กเข้าค่ะ...ตัวละ 400 บาทค่ะ เคยเอาเด็กๆๆไปพักมาค่ะ
  • http://www.beautybeachresort.com/
20. ปรีบุราณ ปากน้ำปราณบุรี 01-6189217 032-570-101 , 06-3230337
  • เป็นรีสอร์ทเล็กๆครับ พาน้องม๋าไปได้ 1 หลัง พักได้ 4 คน กับ 2 หมา ราคา 2000 บาท http://www.preeburan.com/
21. ระเบียงทะเล ชะอำ โรงพยาบาลกรุณาพิทักษ์
  • Tel : 0-2287-3974-6, 0-2678-3005-12 Ext. 1131(ในเวลาทำงาน) ระเบียงทะเลรีสอร์ท Tel : 0-3247-8445 คุณสัมฤทธิ์ Tel : 0-9837-2084 คุณแหม่ม Tel : 0-9068-5327 http://www.talayresort.com/locate.html ไม่มีเจ้าถิ่น วันจันทร์ - วันพฤหัสบดี 600 บาท วันศุกร์ - วันอาทิตย์ 1,000 บาท วันหยุดเทศกาลและ Long weekend 1,700 บาท บริการอาหารเช้า กาแฟ+ขนมปัง 2 ที่ ทุกหลัง ฟรี
22. รั้วไม้รีสอร์ทประจวบค่ะ 01 8113473
  • ไม่คิดค่าน้องหมาเพิ่ม เราไปตอนตรุษจีนคืนละ 1000 ห้องไม่ใหญ่มากนะคะ มีระเบียงด้านหน้าให้นั่งทานข้าวได้
  • มีแค่ไม่กี่ห้องเองค่ะ ประมาณ 10 ห้องได้ ด้านหน้าที่พักจะเป็นสนามหญ้า เลยออกไปจากสนามหญ้าก็เป็นทะเลแล้วค่ะ
23. โรงแรมแก่นจันทร์ ชะอำ อยู่ติดชายหาดชะอำ
24. โรงแรมชมวิว (ชะอำ)
25. โรงแรมรีเจนท์ 800/คืน + 800/ตัว
26. วนอุทยานปราณบุรี (เลยหัวหิน)
28. ศาลาไทย (บ้านกรูด)
29. สบายา ชะอำใต้ sabaya resort
  • เบอร์โทร 032-470716-7 http://www.sabaya.co.th สวย แต่ลองโทรถามอีกครั้ง ไม่รู้ยังให้เอาไปอยู่หรือเปล่าเพราะทำสปาใหม่ ไม่ได้รับหมาขนาดใหญ่ ค่าห้องคืนละ 1384฿(รู้สึกจะเป็นของคุณฮาร์ท น้องหมาไม่เสียตังค์)
30. สมอร์สปา ตรงตีนเขาตะเกียบ
  • บ้านเป็นหลังรูปเห็ดมีอยู่ 5-6 หลัง หลังใหญ่ 2 หลังมีจากุซซี่ ส่วนตัวด้วย ส่วนบ้านกลุ่ม 4 หลังมีสระน้ำอุ่นรวมตรงกลางสวยมาก สนนราคาช่วง Low season 3000-3500 บาท/คืน
31. สยามการ์เด้นบีช บางสะพาน คุณเปิ้ล 081-4587877
32. สวิส คอตเทต ปราณบุรี
33. สิริมา เกสเฮ้าส์ หัวหิน 032-511-060
  • ติดทะเล แจ้งได้เลยว่าพาหมาไปด้วย เพื่อนๆ ห้องแอร์ 650
34. หาดเพชรรีสอร์ท ชะอำ
35. อัญชนารีสอร์ท สามร้อยยอด เลยไปนิดเดียว สุนัขก็พักได้ค่ะ
  • จะเป็นบ้านหลังอยู่ด้านหลังตึก บอกเค้าว่าเอาเป็นบ้านหลัง ไม่คิดค่าน้องหมา บนตึกจะพักไม่ได้ มีสระน้ำด้วยค่ะ แต่สุนัขเล่นไม่ได้ ขับรถค่อนข้างไกลอยู่
  • http://www.anchana.com/about.htm
36. อ่าวน้อย ซีวิว รีสอร์ท 202/3 หมู่ 2 ตำบลอ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์
  • โทร.087-1725770, 081-4016001, 089-6159012
  • http://www.aownoiseaview.com/ "เป็นหาดส่วนตัว อยู่ระหว่างเขาตาม่องล่ายกับเขาถ้ำคั่นกระได บรรยากาศแบบโรงแรมชายทะเล สงบเงียบ ติดชายหาดบริเวณ อ่าวน้อย ซึ่งมีทิวทัศน์สวยงามทั้งจากทะเลประจวบฯ และเขาสามร้อยยอด" 800-1,500 บาท
37. อ่าวมะนาว
38. อิ่มสุข รีสอร์ท (ปราณบุรี) 032-570-152 , 09-8375122 คุณทิพย์
39. การ์ฟิลด์( ปราณบุรี) 081-943-0241


จ.ปราจีนบุรี
  1. บ้านผางาม (นาดี)


จ.เพชรบุรี
  1. แก่งกระจานคันทรีคลับ
  2. ไวท์ บีช รีสอร์ท http://www.whitebeachresort.com/ สุนัขไม่คิด
  3. สวนเพชร ริเวอร์วิว รีสอร์ท เขื่อนเพชร จ.เพชรบุรี
  4. เจ้าสำราญ บีช รีสอร์ท หาดเจ้าสำราญ จ. เพชรบุรี
  5. โรงแรมรีเจ้นท์ชะอำ บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา หาดชะอำ
  6. จ.เพชรบุรี ยังมีที่พักสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ ชื่อ"Pet Resort"
  • http://www.regent-chaam.com/Petresort/petresort.htm


จ.เพชรบูรณ์
  1. เขาค้อ วัลเลต์
  2. เขาค้อทะเลภู http://www.khaokhonaturalfarm.com
  3. เขาค้อโกลเด้นท์รีสอร์ท 08-5052-2326, 08-9989-7639, 08-1457-1013


จ.ภูเก็ต
  1. พันวาเกสเฮ้าส์ 076-200-951
  2. Patong Inn Hotel 128 Taveewonf Road, Patong, Katoo, Phuket 076-340-587 ราคา 1,800 บาท
  3. เอสแลนด์ 038-653418 700/คืน


จ.ระยอง
  1. เอสแลนด์ (สวนสน) 038-653418 บ้านติดแอร์หลังละ 700 บาท
  2. brook side valley (บรู๊คไซด์วิลล่า) 038-629282, 038-629-050 คิดค่าสุนัขตัวละ 300 บาท
  3. Villa Bali Resort (หาดแม่พิม) 038-638080 www.villa-bali.net แหลมแม่พิมพ์จ.ระยองกับเกาะทะลุ จ.ระยองคืนละ 1200 บาทเป็นเตียง 4 เสาพร้อมสระว่ายน้ำขนาดกะทัดรัด
  4. ลมทะเลชาเล่ย์
  5. บาหลีรีสอร์ท (แกลง)
  6. รุ่งนภา ลอร์ด 01-9287287 , 09-6699636
  7. บ้านชื่นวารินทร์ 038-638022 , 038-638405
  8. บ้านสบ๊าย สบาย (หมาเล็ก) 60/16 ถ.หาดแม่รำพึง โทร. 0 3865 5435, 0 3889 9811-5, 0 1982 3163 โทรสาร 0 3865 5435 จำนวน 30 ห้อง ราคา 5,000 - 6,300 บาท เว็บไซต์ : http://www.sabaihome.com
  9. วังทอง รีสอร์ท
  10. lima coco อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด
  11. สำหรับที่เกาะเสม็ด มีบังกาโลของลุงหวัง ลองดูรูปตามลิงค์นี้นะคะ http://www.bloggang.com/viewdiary.ph...group=2&blog=1 โทร.038-651661 และ 038-651498 โทรคุยกับคุณติ๊กเจ้าของนะคะ
  12. บ้านคุณหมู 038-6307 47
  13. บ้านปูลม 01-8217200
  14. บ้านทะเลคราม 01-8337688


จ.ราชบุรี
  1. ภูโวทัย (สวนผึ้ง)


จ.สระบุรี
  1. ศุภาลัยป่าสัก รีสอร์ท


จ.สุราษฎร์ธานี
  1. seaside bungalow (หาดเฉวง-เกาะสมุย) 077-422-364-5
  2. ฟูลมูนเฮ้าส์แอนด์รีสอร์ท (อ่าวนาง) 075-637-735, 09-474-1301
  3. พาราไดซ์ รีสอร์ท 075-637-650-1
  4. ทับแขก ซันเซ็ท บีช รีสอร์ท 075-628-600, 075-618-067

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

พื้นฐานการปีนผา



สำหรับ ผู้ที่รักการเสี่ยง ชอบอะไรที่ตื่นเต้น ท้าทาย แล้วก็ไม่กลัวความสูง และไม่เป็นโรคหัวใจ กิจกรรมการปีนหน้าผา เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ซึ่งถือว่าเป็นการท่องเที่ยว ที่เข้าไปสัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด โดยไม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม ไม่ก่อมลภาวะหรือความเสียหายแก่ สถานที่ใด ๆ ทั้งสิ้น

นอกจากความเพลิดเพลิน แล้ว การปีนหน้าผายังเป็นกีฬาอย่างหนึ่งด้วย เพราะร่างกายได้เคลื่อนไหวและออกแรงใน การพยายามที่จะไปให้ถึงจุดสูงสุดที่ตั้งใจเอาไว้ แต่การปีนหน้าผาใช่แต่จะใช้กำลังและความคล่องตัวเพียงเท่านั้น ยังรวม ถึงการมีสมาธิและความมั่นคงในการที่จะผ่านชะง่อนหินและด่านต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นโดยธรรมชาติ นอกจากนั้นการตัดสิน ใจที่รอบคอบ ประสบการณ์และความชำนาญก็มีส่วนสำคัญ เพราะการผิดพลาดบางครั้งอาจจะเกิดอาการบาดเจ็บและเป็นอันตราย

การปีนหน้าผานั้นอาจจะดู คล้ายการปีนเขาก็จริง แต่มีอันตรายน้อยกว่ามาก โดยบริษัทนำเที่ยวจะมีการทำเครื่องหมาย หรือเครื่องยึด ทำให้สะดวกและง่ายต่อการปีน มีผู้ควบคุมเชือก หรือบีเลเยอร์ (Belayer) ช่วยดึงและแนะนำการปีนอยู่ที่ พื้นด้านล่าง และจะมีการฝึกสอนให้รู้จักเทคนิค อุปกรณ์ และทดลองปีนกับหน้าผาจำลองก่อน

ในระยะแรก ๆ กลุ่มนักปีนหน้าผาส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวใน ประเทศไทย โดยเฉพาะ ที่กระบี่ได้รับการกล่าวขานถึงความสวยงามของสถานที่และความซับซ้อนของหน้าผา ในขณะที่คนไทยยังมองว่าการปีน หน้าผาเป็นกิจกรรมที่อันตราย แต่ในปัจจุบันหลังจากที่กระแสการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ได้รับความสนใจจาก นักท่องเที่ยว ชาวไทย ก็มีการแสวงหาการท่องเที่ยวแบบใหม่ ๆ ที่เน้นการผจญภัย และความตื่นเต้น เช่น การล่องแก่ง ดำน้ำ ขี่จักรยาน เสือภูเขา และกิจกรรมการปีนหน้าผา ทำให้ปริมาณผู้สนใจ และบริษัทนำเที่ยวที่จัดกิจกรรมในลักษณะนี้เพิ่มมากขึ้น

อุปกรณ์พื้นฐานสำหรับการปีนหน้าผาเบื้องต้น
อุปกรณ์พื้นฐานสำหรับการปีนผาเบื้องต้นแบบ Top Roping มีดังนี้
  • ฮาร์เนส (Harness) หรือสายรัดสะโพก ลักษณะเป็นห่วงส่วนเอวและส่วนขา ซึ่งถูกโยงไว้ด้วยกันโดยสายในล่อนทั้ง ด้านหน้าและด้านหลัง สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 2 ตัน
  • คาราไบเนอร์ (Carabiner) เป็นห่วงเหล็กหรืออะลูมิเนียม อัลลอย (อย่างหลังนิยมกว่าเพราะน้ำหนักน้อยกว่า) สามารถ รับแรงดึงได้ 2 ตัน หลายรูปร่างและขนาด ขึ้นอยู่กับการใช้งาน มี 2 ประเภทหลักคือ แบบมีตัวล็อก (Screwgate Carabiner) และแบบไม่มีตัวล็อก (Snap Carabiner) สำหรับตัวที่ใช้เกี่ยวกับห่วงฮาร์เนสทุกตัวต้องมีตัวล็อกเสมอ
  • ควิกดรอว์ (Quickdraw) คือสายไนลอนสั้น ๆ ซึ่งมีคาราไบเนอร์เกี่ยวอยู่ตรงปลายทั้ง 2 ข้าง ใช้สำหรับเกี่ยวกับหมุด ตามหน้าผา ป้องกันการตกจากที่สูงทีเดียวถึงพื้น
  • อุปกรณ์บีเลย์ (Belay Device) ใช้ สำหรับผ่อนเชือกให้นักปีนผาและควบคุมความเร็วในการโรยตัว มีชื่อเรียกแตก ต่างกันไปตามรุ่นที่ผลิต เช่น Grigri, Figure of Eight, ATC
  • รองเท้าปีนผา จะมีพื้นเรียบ ไม่มีดอกยาง หัวรองเท้าแคบเพื่อให้สอดเท้าเข้าไปบนช่องหินได้สะดวก เมื่อสวมแล้วต้อง รู้สึกว่าคับแน่นจึงจะเหมาะกับการปีนหน้าผา
  • แมกนีเซียม คาร์บอเนต หรือ ผงชอล์ก เป็นผงคล้ายแป้ง ใส่ถุงผ้า ห้อยไว้ด้านหลังของนักปีนผา ใช้สำหรับลดความชื้น ที่มือเพื่อความถนัดในการเกาะเกี่ยว
  • เชือกสำหรับปีนผา (Kernmantle) เป็นเชือกลักษณะพิเศษ คือ มีความเหนียว ไม่ยืดง่าย สามารถรับแรงดึงได้ถึง 2 ตัน เชือกเส้นหนึ่งประกอบด้วยเชือกเส้นเล็ก 2 เส้นควั่นกันอยู่ชั้นในสุดและพันด้วยไนลอน ความยาวมาตรฐานของเชือกคือ 45 เมตร 50 เมตร และ 60 เมตร

การฝึกปีนผาเบื้องต้น
ตัวอย่างหนึ่งของการฝึกปีนหน้าผา ของชมรมปีนหน้าผากรุงเทพฯ ซึ่งเปิดเป็นโรงเรียนสอนปีนหน้าผา ทำการฝึกโดย เริ่มจากการเรียนรู้ถึงอุปกรณ์ การใช้ ระบบการทำงานและเทคนิคในการปีน

ในการฝึกขั้นต้นหลังจาก การแนะนำอุปกรณ์แล้ว จะเป็นการฝึกการปีนแบบ Bouldering ซึ่งเป็นการปีนโดยใช้เพียง รองเท้าและผงแมกนีเซียม คาร์บอเนตกันลื่นเท่านั้น ในการฝึกปีนหน้าผานั้น มีหลักอยู่ว่าการปีนหน้าผาที่ดี คือต้องเคลื่อน ไหวโดยให้ร่างกายอยู่ในลักษณะสมดุลกัน ลักษณะการปีนของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ผู้ปีนจะต้องสังเกตว่าการเคลื่อน ไหวแบบไหนที่ตนเองถนัดและสามารถเคลื่อนต่อไปได้โดยไม่ต้องเสียแรงมากเกินไป การปีนต้องอาศัยความมั่นคงของมือ และเท้าในการเกาะและเหยียบ

หลังจากการฝึก Bouldering ก็เป็นการฝึกผูกเงื่อนเชือกปีนผา (Kernmanle) ซึ่งมีความเหนียวแข็งแรง สามารถ รับแรงดึงได้ถึง 2 ตัน บิดให้เป็นห่วง หมุนเกลียว 2 ครั้ง ใช้ปลายเชือกด้านหนึ่งสอดเข้าไปในห่วง แล้วย้อนกลับมาพันขึ้น พันลงตามแนวเดิมของเชือก ซึ่งเป็นการผูกแบบเงื่อนเลขแปด การผูกเชือกนี้สำคัญมากสำหรับนักปีนผา เพราะจะใช้ผูกกับ ห่วงฮาร์เนสเพื่อดึงตัวนักปีนผาไว้กรณีที่ตกลงมา

การปีนผาเบื้องต้นมักจะ เริ่มจากการปีนแบบ Top Roping คือมีผู้ปีนนำ (Leader) นำเชือกขึ้นไปสอดผ่าน แองเคอร์ (Anchor) ซึ่งอยู่ตรงจุดปลายทางของการปีน ดึงเชือกลงมายังพื้นให้ปลายด้านหนึ่งยาวพอที่ผู้ปีนสามารถ ผูกเงื่อนเลขแปดไว้กับฮาร์เนสของตัวเอง ส่วนปลายเชือกอีกด้านหนึ่งนั้น บีเลเยอร์จะร้อยผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า บีเลย์ (Belay Device) แล้วคล้องอุปกรณ์บีเลย์ไว้กับห่วงฮาร์เนสของตัวเอง

อุปกรณ์บีเลย์มีอยู่หลาย แบบ ทั้งบีเลย์ เพลต (Belay Plate) รูปร่างแบน มีรู 2 รู คล้ายกระดุมอะลูมิเนียมเม็ดใหญ่ ฟิกเกอร์ ออฟ เอท (Figure of Eight) เป็นอะลูมิเนียมรูปร่างลักษณะคล้ายเลขแปดอาระบิก ห่วงบนและห่วงล่างมีขนาด ไม่เท่ากัน อุปกรณ์อีกตัวคือ ATC ลักษณะคล้ายตะกร้าใบเล็ก เป็นชนิดหนึ่งของบีเลย์ บางครั้งอาจจะใช้กรีกรี (Grigri) ซึ่งมีคันโยกสำหรับผ่อนเชือกและมีตัวล็อกอัตโนมัติช่วยผ่อนแรงได้ด้วย

สำหรับการฝึกเบื้องต้น ของชมรมปีนเขา จะใช้เวลาในการฝึกที่ชมรมเป็นเวลาประมาณ 2 อาทิตย์ จึงจะมีการเดินทางไป ยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ

ข้อมูลเพิ่มเติม
นักท่องเที่ยวและผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูล และรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากชมรม และบริษัทนำเที่ยวที่จัดกิจกรรม ปีนหน้าผา และการโรยตัวจากหน้าผาได้ หรือสามารถหาอ่านข้อมูลได้จาก “คู่มือแนะนำเส้นทางปีหน้าผาในเมืองไทย” โดยสมพร สืบเหตุ